สนทนาธรรมกับบ้านธัมมะเชียงใหม่ 15 - 17 ก.พ. 2566

 
kanchana.c
วันที่  20 ก.พ. 2566
หมายเลข  45592
อ่าน  1,031

มีชีวิตอยู่เพื่อปัญญาปรากฏ 15-17 ก.พ. 2566

ศึกษาธรรมหรือยัง?

ได้มีโอกาสไปร่วมสนทนากับ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และคณะอาจารย์จาก มศพ. ที่โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 15 – 17 ก.พ. 2566 โดยคุณจิมมี่ ดนิตฤ (Danitree อ่านว่า ดนิตรี) สุคนธ์พานิช สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ 24 เป็นเจ้าภาพจัดสนทนาธรรมในครั้งนี้ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้คุณพ่อ นพ.มานิต สุคนธ์พานิช และคุณแม่ เภสัชกรหญิงชมเชย สุคนธ์พานิช

(นพ.มานิต สุคนธ์พานิช และ เภสัชกรหญิงชมเชย สุคนธ์พานิช)

คุณพี่ชมเชยเคยเชิญท่านอาจารย์ไปสนทนาธรรมที่วัดแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ เมื่อหลายสิบปีก่อน (ใครจำชื่อวัดได้ และปี พ.ศ.ได้ ช่วยกรุณาเพิ่มเติมด้วยค่ะ แต่ก็ไม่สำคัญอะไร เป็น ณ กาลครั้งหนึ่งที่เกิดแล้ว ดับแล้ว ไม่กลับมาอีกแล้ว) ในครั้งนั้น คุณศุกล กัลยาณมิตร สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ 513 และคุณหมอเพิ่มสมบัติ สัลลกะชาต สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ 97 ได้ไปร่วมงานด้วยและไปเยี่ยมพี่ชมเชยก่อนการสนทนาธรรม 1 วัน ได้พูดคุยกันพบว่า คุณพี่ชมเชยพูดไม่ชัดกระทันทัน คุณหมอเพิ่มสมบัติจึงนำส่งโรงพยาบาล ปรากฏว่า เส้นเลือดในสมองแตกทุกเส้น หมดหนทางรักษา ท่านอาจารย์ได้ไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล และท่านได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา แต่ก็ยังคงจัดสนทนาธรรมตามเดิม ในเช้าวันนั้นมีคนเห็นพี่ชมเชยที่วัด และได้ยินเสียงท่านเรียกให้คนที่ยังเข้าห้องน้ำอยู่ให้รีบไปฟังธรรมด้วย แม้ท่านจะเสียชีวิตไปแล้ว (จากคำบอกเล่าของสหายธรรมค่ะ ไม่ได้รู้เห็นด้วยตนเอง อาจคลาดเคลื่อนไปบ้างตามกาลเวลา) และอีกหลายสิบปีต่อมา ในวันที่ 15 - 17 ก.พ. 2566 ลูกสาวของท่าน แม่เลี้ยงจิมมี่ (แม่เลี้ยง คือ ผู้มีทรัพย์และยินดีในการบริจาคทรัพย์นั้นเพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น) ก็ดำเนินตามรอยคุณแม่คือเชิญท่านอาจารย์มาสนทนาธรรมที่โรงแรมแคนทารี ฮิลส์ เชียงใหม่ เธอบอกว่า แม้มีคนเข้าใจธรรมเพียงคนเดียวก็เป็นประโยชน์มหาศาลแล้วที่จะเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่อุทิศให้คุณพ่อและคุณแม่ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งสองท่าน

จริงอย่างนั้น ในพระสูตรพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง แม้แต่ท้าวสักกะจอมเทพ ยังทูลขอพระผู้มีพระภาคให้พระภิกษุอุทิศกุศลให้พระองค์เมื่อแสดงธรรมจบ เพราะการให้ความเข้าใจธรรมเป็นการให้อมตะ คือความไม่ตาย เมื่อเข้าใจธรรมถึงที่สุดบรรลุความเป็นพระอรหันต์ก็ไม่ต้องเกิดและตายอีกต่อไป แม้ยังไม่ถึงอย่างนั้น การเข้าใจธรรมแม้เพียงความคำเดียวก็ละความไม่เข้าใจธรรมไปได้ 1 คำแล้ว เมื่อสะสมการฟังธรรมเพิ่มขึ้นๆ ก็สะสมความเข้าใจเพิ่มขึ้น ละความไม่เข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ความเข้าใจนั้นเองจะทำกิจเจริญกุศลเพิ่มขึ้นทุกประการ ตั้งแต่ทาน การให้ ศีล การมีกาย วาจาเป็นกุศลเป็นปกติ การอบรมเจริญความสงบ เมื่อเข้าใจธรรม ขณะนั้นเป็นกุศลก็สงบจากอกุศล และอบรมเจริญปัญญา คือ ความเข้าใจเพิ่มขึ้นตามลำดับ

เคยสังเกตไหมว่า เมื่อถามถึงสารทุกข์สุกดิบกันนั้น จะถามตามวัย ถ้าถามถึงเด็กวัยรุ่น ก็จะถามว่า ตอนนี้เรียนอะไร เมื่อถึงวัยทำงาน ก็จะถามว่า ทำงานอะไร เมื่ออยู่ในวัยกลางคน ก็จะถามถึงความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ลาภยศ บริวาร ครอบครัว ลูกหลาน และเมื่อหมดเวลาทำงาน ก็จะถามถึงสุขภาพว่า มีโรคประจำตัวอะไร ควรไปหาหมอที่ไหนดี เมื่อถามถึงคนวัยเกิน 80 ก็จะถามว่า ตอนนี้ยังอยู่หรือเปล่า ถ้าตอบว่า ยังอยู่ ก็รู้สึกว่า ท่านนั้นโชคดีมีอายุยืนยาว (กว่าอายุเฉลี่ย คือ 75 ปี) ถ้าไม่อยู่แล้ว ก็เป็นอันว่าเลิกถามอีกต่อไป ทั้งๆ ที่อยากรู้ว่า ตายแล้วไปเกิดที่ไหน ซึ่งสำหรับปุถุชน ไม่มีใครสามารถรู้ได้ นอกจากหลอกลวงกัน จึงไม่ถามต่อ

แต่ไม่เคยมีใครถามกันเลยว่า ขณะนี้สะสมอริยทรัพย์ได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว ตั้งแต่ศรัทธา ศีล หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ จาคะ ปัญญา หรือสูงขึ้นว่านั้น ถามว่า ตอนนี้ธรรมอะไรปรากฏ ศึกษาธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้หรือยัง รู้ความเกิดดับของสิ่งที่กำลังปรากฏหรือยัง รู้หรือยังว่า ไม่มีเรา จนกระทั่งมาศึกษาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จึงได้ยินคำถามเหล่านี้ว่า ธรรมคืออะไร ฯลฯ ... และรู้หรือยังว่า ไม่มีเรา ซึ่งก็ตอบไม่ได้ แต่ก็ทำให้รู้ว่า ไม่รู้อะไรเลยนั้นเป็นอย่างนี้เอง คือ ไม่รู้ว่า ขณะนี้อะไรกำลังปรากฏ ขณะนี้คิดอะไร ขณะนี้รู้สึกอะไร ตรงลักษณะนั้นจริงๆ เพราะเป็นเราเห็น เราคิด ทั้งหมดนั้นเป็นเรา ซึ่งรู้ขั้นการฟังว่า ผิด เพราะที่จริงแล้ว ไม่มีเรา ต้องเป็นสภาพธรรมแต่ละหนึ่งเกิดขึ้นเท่านั้น เมื่อยังรวมกันเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเรา ก็ยังไม่ใช่การศึกษาธรรม

ในการสนทนาธรรมครั้งนี้ ท่านอาจารย์กล่าวว่า เป็นการสนทนาธรรมจริงๆ เพราะมีผู้สนใจได้ซักถามข้อสงสัย และก็ได้รับคำตอบจนเริ่มเข้าใจขึ้น ไม่ใช่วิทยากรสนทนากันเอง หลายคนอาจจะผิดหวังที่ไม่ได้ยินคำว่า ปฏิจจสมุปบาท หรืออริยสัจ 4 แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นคือ ปฏิจจสมุปบาทและอริยสัจ 4 แต่กล่าวเป็นภาษาไทย ตั้งแต่ความไม่รู้ ปรุงแต่งจิตให้เป็นกุศลและอกุศล แล้วทำกุศลกรรมและอกุศลกรรม ซึ่งก่อให้เกิดกุศลวิบากและอกุศลวิบาก คือ ปฏิสนธิจิต ทำให้เกิดในภพภูมิต่างๆ ต่อไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุด

แต่ละคนก็แต่ละหนึ่ง ไม่สามารถบอกได้ว่า ใครเข้าใจธรรมมากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับตนเองได้เข้าใจว่า ศึกษาธรรม คือ ศึกษาสิ่งที่ปรากฏในขณะนี้แต่ละหนึ่งซึ่งเกิดดับ ว่างเปล่าแต่ละขณะ จึงไม่มีเราในความว่างเปล่านั้น อย่างนี้จึงเป็นการศึกษาธรรม แสดงว่าที่ผ่านมานั้น ศึกษาเพียงชื่อและเรื่องราวของธรรมเท่านั้น ซึ่งก็จำเป็นเพื่อจะได้รู้ว่า ธรรมคืออะไร อยู่ที่ไหน เกิดจากเหตุปัจจัยอะไร มีลักษณะอย่างไร แม้อย่างนั้นก็ยังไม่รู้ว่า ธรรมคืออะไร ขณะนี้ธรรมอะไรปรากฏ ขนาดเรียนเรื่องชื่อและเรื่องราวของธรรมมาเกือบ 40 ปี ก็ยังไม่มีความเข้าใจมั่นคงพอที่จะศึกษาธรรมได้ คงต้องสะสมความเข้าใจเรื่องราวของธรรมให้มากขึ้น มั่นคงกว่านี้ จึงจะเป็นการศึกษาธรรม

เพียงเข้าใจเพิ่มขึ้น (สำหรับคนเก่าและแก่เช่นเรา) ก็มีประโยชน์มหาศาลแล้วค่ะ น้องจิมมี่ และได้ทราบว่า มีคนใหม่ๆ ที่ฟังจากยูทูบติดตามมาฟังที่เชียงใหม่อีกหลายคน ทั้งจากภาคใต้ อิสาน ตะวันออก เกือบทั่วประเทศไทย และมีคนเวียดนามอีก 2 คน คือ คุณหั่ง (Nguyen Thi Minh Hang หั่ง แปลว่า พระจันทร์) และคุณ Ha (ห่า แปลว่า แม่น้ำ) คนที่สะสมความเข้าใจเช่นนี้มาก็จะมารวมกันอย่างนี้ แต่ละคนก็เข้าใจเพิ่มขึ้นตามการสะสม การสนทนาธรรมครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแน่นอนค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณจิมมี่ และทีมงานบ้านธัมมะภาคเหนือที่แข็งขันทุกท่าน รวมทั้งเจ้าภาพอาหารเย็นซึ่งเป็นอาหารเหนือในวันที่ 16 ก.พ. ที่ร้านอาหารเฮือนเพ็ญ โดย ตัวแทนชาวเชียงใหม่ อ.ฉัตรชัย กิติพรชัย สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ 69 คุณพรทิพย์ พัวสุวรรณ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ ลำดับที่ 52 ผู้บริจาคบ้านธัมมะที่ลำพูน และผู้ร่วมนำของที่ระลึกจากที่ต่างๆ มาแจก อาทิเช่น น้ำมันไพลของคุณแอ๋ว ชาอินคา ขนมหมากบุกจากอุบล ยาดม และอีกมากมาย รวมทั้งผู้ที่ร่วมทำบุญมอบเงินให้แก่บ้านธัมมะภาคเหนือ เพื่อนำไปสร้างที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่จะทำพิธีบรรจุในเดือนกรกฎาคม 2566

ขออุทิศกุศลที่ได้กระทำแล้ว ให้แก่คุณพ่อ นพ.มานิต สุคนธ์พานิช และคุณแม่ของคุณจิมมี่ เภสัชกรหญิงชมเชย สุคนธ์พานิช ขอจงมีจิตโสมนัสยินดีในกุศลที่ลูกสาวและสหายธรรมได้ทำร่วมกันเทอญ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Kalaya
วันที่ 20 ก.พ. 2566

กราบอนุโมทนาในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
Selaruck
วันที่ 20 ก.พ. 2566

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินตบริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาในกุศลทุกประการของคุณจิมมี่ และพี่น้องบ้านธัมมะภาคเหนือที่ได้จัดงานธรรมทานในครั้งนี้ และทุกท่านทีได้รับรสพระธรรมในครั้งนี้ค่ะ

สรรพทานัง ธัมมะทานังชิเนติ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
swanjariya
วันที่ 20 ก.พ. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบยินดีในกุศลของคุณจิมมี่และสมาชิกบ้านธัมมะภาคเหนือและทุกๆ ท่าน

ขออุทิศกุศลทั้งปวงที่ได้ทำมาแล้วให้แก่นพ.มานิต สุคนธ์พานิช และเภสัชกรหญิงชมเชย สุคนธ์พานิชขอจงมีจิตโสมนัสยินดีอนุโมทนาในส่วนกุศลด้วยเทอญ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Junya
วันที่ 20 ก.พ. 2566

ถ้อยคำไพเราะ เกื้อกูลความเข้าใจธรรมอย่างยิ่ง กราบยินดีในกุศลทุกประการค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
siraya
วันที่ 20 ก.พ. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ