ประมวลภาพการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และสนทนาธรรม ในวันมาฆบูชา ณ บ้านธัมมะภาคใต้ ๖ มีนาคม ๒๕๖๖

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  6 มี.ค. 2566
หมายเลข  45644
อ่าน  2,883

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เนื่องในโอกาสที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา เดินทางมาร่วมในโอกาสเปิดอาคารสำนักงานบ้านธัมมะ มศพ. ภาคใต้ ณ บริเวณสวนเทพหยา ตำบลป่าขาด อำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ ๔ - ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ นั้น

ในช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการเดินทางมา และเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้เดินทางจากโรงแรมลากูน่า แกรนด์ แอนด์ สปา สงขลา มายังอาคารสำนักงานบ้านธัมมะ ภาคใต้ ในเวลา ๙.๐๐ น. เพื่อร่วมในการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ณ ห้องโถงสนทนาธรรม ของอาคารสำนักงานบ้านธัมมะ มศพ. ภาคใต้ บริเวณสวนเทพหยา

ภายหลังการประดิษฐานพระบรมสารีรีริกธาตุเสร็จสิ้นลง ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้ร่วมสนทนาธรรมเป็นพุทธบูชา เนื่องในโอกาสเปิดอาคารบ้านธัมมะภาคใต้ อย่างเป็นทางการ โดยมีความสนทนาบางตอน พร้อมประมวลภาพการประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ในครั้งนี้ ดังนี้

" ... วันนี้ก็เป็นวันที่จะระลึกถึงพระคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องไม่ลืมจุดประสงค์ที่ทรงบำเพ็ญพระบารมี จนกระทั่ง ตรัสรู้สิ่งที่กำลังมีจริงๆ ในขณะนี้ ก็เพื่อให้คนอื่นได้รู้ด้วย ไม่ใช่ว่าเราจะไปรู้ ไปเข้าใจสิ่งที่ไม่มี หรือสิ่งที่ไม่ปรากฏ หรือสิ่งที่ไม่เกิดขึ้น

แต่สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้แหละ มีใครบ้าง ที่จะรู้ว่า นี่แหละ คือสิ่งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ ให้ได้พิจารณา ให้รู้ว่า ทั้งๆ ที่กำลังมีอยู่เดี๋ยวนี้ แต่ลึกซึ้งระดับไหน ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตอนที่เป็นพระโพธิสัตว์ จะต้องทรงบำเพ็ญพระบารมี จนกว่าจะรู้ความจริงของอะไร ของสิ่งที่กำลังมี เดี๋ยวนี้เอง!!

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจอย่างนี้ ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คิดไปต่างๆ นานา แต่ว่า ไม่ได้เห็นความลึกซึ้งของแต่ละคำ ที่พระองค์ได้ทรงแสดง

ด้วยเหตุนี้ ถ้ามีความเข้าใจที่มั่นคง ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีจริงๆ เดี๋ยวนี้ ยากที่จะรู้ความจริงได้ ทั้งๆ ที่ใกล้ที่สุด สั้นที่สุด เร็วที่สุด ไม่มีใครรู้เลยว่า แค่ปรากฏแล้วหมด แล้วก็ปรากฏ แล้วก็หมด สืบต่อกัน จากขณะหนึ่ง ไปอีกขณะหนึ่ง

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่า ทรงพระมหากรุณา ให้คนอื่นได้รู้ความจริง ซึ่งยากแสนยากที่จะรู้ได้ แล้วก็กำลังมีจริงๆ ด้วย ถ้าไม่เป็นคำสอนที่ทำให้เริ่มค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริง ที่ยากมาก ลึกซึ้งมาก ก็จะทำอย่างอื่นที่คิดว่า ได้เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว แต่ละคำพิจารณาแล้ว ก็เข้าใจอย่างนั้น เพียงเข้าใจอย่างนั้น แต่ความลึกซึ้ง มีมากกว่านั้น!!

เพราะเหตุว่า ทรงแสดงพระธรรม ตามลำดับขั้น ตั้งแต่ ใครรู้บ้างว่า เดี๋ยวนี้แหละ ไม่ใช่ใครสักคนหนึ่ง ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นสิ่งที่ปรากฏ แล้วก็หมดไป

เพราะฉะนั้น ทุกคำ ที่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ต้องศึกษาด้วยความเคารพสูงสุด ถ้าผิดนิดเดียว จะไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วก็จะไม่เห็นในพระคุณของพระองค์ ทั้งพระปัญญาคุณที่ทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ พระบริสุทธิคุณ มิได้ทรงหวังสิ่งใดเลยทั้งสิ้น เพื่อเป็นการตอบแทนใดๆ แต่ว่า เพื่อจะให้คนที่ไม่สามารถที่จะรู้ความจริง ได้เริ่มรู้ว่า ตลอดชีวิต ตั้งแต่เกิดจนตาย สิ่งที่มีจริงทุกขณะ เป็นสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสรู้และทรงแสดง ให้เริ่มเข้าใจทุกคำ กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่เคารพสูงสุด ในพระมหากรุณาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิฉะนั้น เรามีโอกาสรู้ไหม? เดี๋ยวนี้มีอะไร และความจริงของสิ่งที่พระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เดี๋ยวนี้เอง

เพราะฉะนั้น ต้องมั่นคงจริงๆ รู้ไหม? ขั้นฟัง เข้าใจไหม? ขั้นฟัง ถ้าเข้าใจจริงๆ จากขั้นฟัง รู้ว่า เพียงฟังไม่พอ เพราะขณะที่ฟัง ไม่ใช่ขณะที่ประจักษ์แจ้งความจริง ซึ่งถ้าตราบใดเพียงฟังแล้วคิด ไม่ประจักษ์แจ้งความจริง ก็ยังไม่มีการที่จะถึงที่สุดของสภาพธรรม ที่ขณะนี้ กำลังเป็นอย่างนี้!!

เพราะฉะนั้น ฟังแต่ละคำ เพื่ออะไร ไม่เข้าใจผิด ไม่เผิน ซึ่งไม่ใช่การรู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย เพราะเหตุว่า ถ้าไม่เข้าใจจริงๆ จะเห็นพระคุณได้อย่างไร

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าทรงดับขันธปรินิพพานไปนานแล้ว แต่ "..ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ... " เราได้เห็นส่วนของพระกาย ที่เป็นพระบรมสารีริกธาตุ และ ถ้ารู้จักพระองค์ จากการที่เข้าใจคำที่พระองค์ได้ตรัสไว้ ความเคารพจะมากขึ้น เพิ่มขึ้น จนกระทั่งรู้ว่า พระกายที่ยังคงเหลืออยู่ เป็นเครื่องเตือนให้ระลึกถึง ความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ของพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และ พระมหากรุณาคุณ

เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ของการฟัง ตรงกับที่พระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมี ให้รู้ความจริง ของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่เริ่มฟัง ประมาทไม่ได้เลย จริงหรือเปล่า? จริงแค่ไหน? รู้ความจริงนั้นระดับไหน? ประจักษ์แจ้งหรือยัง?

เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่ตรง จึงสามารถที่ "ตรงต่อลักษณะของสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ แต่ละหนึ่ง" ซึ่งเป็นอย่างที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้แล้ว

เพราะฉะนั้น ไม่ประมาท ก่อนปรินิพพาน พระองค์ตรัสว่า จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม ให้ถึงพร้อม แม้การฟังทีละคำ ให้เริ่มเข้าใจว่า ไม่รู้ความจริงที่พระองค์ทรงแสดง ที่พระองค์ทรงประจักษ์แจ้งอย่างหนึ่งอย่างใดทั้งสิ้น ทั้งๆ ที่กำลังมีอยู่ "เห็น" มี "ได้ยิน" มี ประจักษ์แจ้ง หรือว่า ไม่สนใจ? เห็นอะไรมาตั้งแต่เช้า? มากมาย!! ไม่รู้เลย!!

แต่ว่า ถ้าไม่มีการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไม่รู้เลย ขณะที่มีเห็น ขณะนั้นจะรู้ความจริงของอะไร นอกจาก "เห็น" และ "สิ่งที่ปรากฏให้เห็น" กว่าจะมีความมั่นคง ปลูกฝังการที่จะรู้ความจริง ก็ต้องแต่ละคำ เพราะชีวิตจะสิ้นสุดลง เมื่อไหร่ก็ได้

แต่ละคำที่ฟังแล้ว สะสมแล้ว ไม่ได้หายไปไหนเลย แต่จะค่อยๆ มั่นคงขึ้น เมื่อได้ฟัง เป็นผู้ละเอียด เป็นผู้ที่ไตร่ตรอง จึงจะเห็นความลึกซึ้งของแต่ละคำ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสไว้ ที่จะทำให้ทุกคน ไม่ประมาทที่จะไตร่ตรอง

เพราะฉะนั้น วันนี้ก็เป็นวันหนึ่ง ที่ตรงตามพุทธประสงค์ คือ ให้ได้เข้าใจทุกคำ ที่พระองค์ตรัส ที่เป็นการที่จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ แต่ละหนึ่ง จุดประสงค์นี้ ก็ไม่ใช่เพียงแต่เฉพาะวันนี้ แต่ ทุกขณะ ทุกชาติ จนกว่าจะประจักษ์แจ้งความลึกซึ้งของธรรม ซึ่งขณะนี้ยังไม่ประจักษ์ แต่เป็นอย่างที่พระองค์ได้ทรงแสดงแล้ว และ จะไปรู้อย่างอื่น ไปเข้าใจอย่างอื่น เมื่อไหร่จะรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประจักษ์แจ้ง สิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้!!

เพราะฉะนั้น ต้องอดทน ขณะนี้เข้าใจแค่ไหน? ดีกว่าไม่เข้าใจเลย ใช่ไหม? ถึงแม้ว่า กว่าจะได้เข้าใจเพิ่มอีก ทีละเล็ก ทีละน้อย ก็อีกนาน แต่ก็เป็นความจริงใช่ไหม? เมื่อมีความอดทน แล้วก็มีวิริยะ ความเพียร ขาดการฟัง ได้ไหม? ฟังแล้ว เหมือนเข้าใจแล้ว จริงหรือ?

ขอเชิญติดตามกระทู้ที่เกี่ยวข้อง ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :

- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ร่วมในโอกาสเปิดอาคารสำนักงานบ้านธัมมะ มศพ. ภาคใต้ จังหวัดสงขลา

- ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ บ้านธัมมะภาคใต้ จ.สงขลา ในโอกาสประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและเปิดอาคารสำนักงาน

- ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะ เดินทางไปถวายพระรัตนบุษยภาชน์ อโศกมหาราชปริวรรต ณ พระมูลคันธกุฎี เมืองสารนาท กรุงพาราณสี ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕ : คลิกอ่านรายละเอียดที่ลิงก์นี้ : ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ ประเทศอินเดีย ๒๓ - ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ [ตอนที่ ๓] )


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
petsin.90
วันที่ 6 มี.ค. 2566

น้อมกราบสาธุคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
khampan.a
วันที่ 6 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ที่เคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดีในกุศลวิริยะของพี่วันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่ง และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านด้วยครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ปวีณา
วันที่ 7 มี.ค. 2566

กราบอนุโมทนาเป็นอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Selaruck
วันที่ 7 มี.ค. 2566

กราบนอบน้อมคุณพระรัตนตรัยเหนือเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพสูงยิ่ง

กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลทุกประการของคณะอาจารย์ คุณวันชัย และทีมงาน มศพ ทุกท่านค่ะ

ยินดีในกุศลของพี่น้องชาวใต้และทุกท่านที่ได้ร่วมงานอันเป็นมงคลนี้

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
namarupa
วันที่ 7 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น...

กราบเท้าบูชาคุณ

ท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง และกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทีมงานบ้านธัมมะ มศพ. ภาคใต้ทุกท่าน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงานนี้จนสำเร็จลงด้วยดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Tathata
วันที่ 7 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น...

กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง และกราบอนุโมทนาและยินดีในกุศลจิตของทีมงานบ้านธัมมะ มศพ.ทุกท่าน ที่ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำงานนี้จนสำเร็จลงด้วยดีค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Potechana29
วันที่ 7 มี.ค. 2566

กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
meenalovechoompoo
วันที่ 7 มี.ค. 2566

กราบ​ขอบพระคุณ​และ​อนุโมทนา​อย่างสูง​ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
jaturong
วันที่ 7 มี.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Kalaya
วันที่ 7 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า

น้อมกราบท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
Dechachot
วันที่ 9 มี.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
Lai
วันที่ 9 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
Jans
วันที่ 9 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพ
ยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดีในกุศลวิริยะของคุณวันชัย ภู่งาม เป็นอย่างยิ่ง และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านด้วยค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
muda muda
วันที่ 10 มี.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ที่เคารพยิ่งค่ะ กราบอนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่มีส่วนให้บ้านธัมมะหลังใหม่สำเร็จ และขอบคุณ คุณวันชัย ภู่งามด้วยค่ะ ถ่ายภาพเก่งมากค่ะ สำหรับผู้ที่ไม่มีโอกาสได้ไป เห็นรูปแล้วเหมือนได้ไปด้วยเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
Wisaka
วันที่ 11 มี.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
chatchai.k
วันที่ 11 มี.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
aurasa
วันที่ 26 มี.ค. 2566

กราบอนุโมทนาในกุศลของท่านอาจารย์ และคณะทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ