อายุกัปป์ (อายุเฉลี่ย) ของมนุษย์ตามนัยพระไตรปิฎก..?

 
วินัย ไกรสีห์
วันที่  26 เม.ย. 2566
หมายเลข  45820
อ่าน  850

อายุเฉลี่ย (อายุกัปป์) ของมนุษย์ที่นับจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว 100 ปีลดลง 1 ปี (ปัจจุบันอายุเฉลี่ยของมนุษย์คือ 75 ปี) อยู่ในพระไตรปิฎกหรืออรรถกถาส่วนไหนครับ และเป็นเพราะกิเลสมนุษย์เพิ่มขึ้นใช่ไหมครับทำให้อายุเฉลี่ยของมนุษย์สั้นลง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 28 เม.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การที่มนุษย์จะมีอายุยืนหรือมีสั้น ก็เพราะเหตุปัจจัย ถ้ามีคุณธรรม อายุขัยก็เพิ่มขึ้น แต่ถ้าคุณธรรมเสื่อมไป มากไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ ก็ทำให้อายุขัยลดลง จะเห็นได้ว่า ในสมัยพุทธกาล เมื่อ ๒๕๐๐ กว่าปีก่อน อายุขัยของมนุษย์ อายุ ๑๐๐ ปี แต่จนถึงปัจจุบันก็ลดลงไปเรื่อยๆ สำหรับข้อความที่ว่านับจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว ๑๐๐ ปี อายุขัยลดลง ๑ ปี ไม่ได้มีข้อความโดยตรงในพระไตรปิฎกและอรรถกถา

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๒๖

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อายุของมนุษย์ทั้งหลายนี้ น้อยนัก จำต้องไปสู่สัมปรายภพ ควรทำกุศล ควรประพฤติพรหมจรรย์
สัตว์ผู้เกิดมาแล้วจะไม่ตาย ไม่มี ดูกร ภิกษุทั้งหลาย คนที่เป็นอยู่นาน ย่อมเป็นอยู่ได้เพียงร้อยปี หรือจะอยู่เกินไปได้บ้าง ก็มีน้อย


ไม่มีใครรู้ว่าจะตายเมื่อไหร่ ก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ก็ควรที่จะได้สาระประโยชน์จากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ซึ่งได้อย่างยากแสนยาก ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา และไม่ประมาทในการเจริญกุศลสะสมความดีทุกประการ ครับ

... ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วินัย ไกรสีห์
วันที่ 29 เม.ย. 2566

แล้วที่ผมเคยฟังมาว่าในคราวที่อายุกัปป์ของมนุษย์ลดลงเหลือ 10 ปี จะเกิดมิคสัญญี มนุษย์ในยุคนั้น โทสะแรงกล้า คว้าจับอะไรก็กลายเป็นอาวุธเข้าประหัตประหารกันจนมนุษย์ตายเกือบหมดโลก ที่เหลือรอดชีวิตก็หนีเข้าป่าไป ภายหลังกลับออกมาเห็นมนุษย์ตายกันเกลื่อนโลก จึงเกิดธรรมะสังเวชรักษาศีล 5 คราวนี้อายุกับป์ของมนุษย์ก็จะเพิ่มเป็นทวีคูณ มีในพระไตรปิฎกและอรรถกถาไหมครับ..? จำไม่ได้ว่าท่านอาจารย์สุจินต์ยกข้อความมาจากไหน..?

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วินัย ไกรสีห์
วันที่ 29 เม.ย. 2566

เจอแล้วครับ

จักกวัตติสูตร

ข้อ [๔๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๑๐ ปี จักมีสัตถันตรกัป

สิ้น ๗ วัน มนุษย์เหล่านั้นจักกลับได้ความสำคัญกันเองว่าเป็นเนื้อ ศัสตราทั้ง หลายอันคมจักปรากฏมีในมือของพวกเขา พวกเขาจะฆ่ากันเองด้วยศัสตราอันคม นั้นโดยสำคัญว่า นี้เนื้อ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น สัตว์เหล่านั้น บางพวกมี ความคิดอย่างนี้ว่า พวกเราอย่าฆ่าใครๆ และใครๆ ก็อย่าฆ่าเรา อย่ากระนั้น เลย เราควรเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ หรือซอกเขา มีรากไม้ และผลไม้ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ เขาพากันเข้าไปตามป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะหรือซอกเขา มีรากไม้และผลไม้ ในป่าเป็นอาหารเลี้ยงชีวิตอยู่ตลอด ๗ วัน เมื่อล่วง ๗ วันไป เขาพากันออกจากป่าหญ้าสุมทุมป่าไม้ ระหว่างเกาะ ซอกเขา แล้วต่างสวมกอดกันและกัน จักขับร้องดีใจอย่างเหลือเกินในที่ประชุม ว่า สัตว์ผู้เจริญ เราพบเห็นกันแล้ว ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือๆ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น สัตว์เหล่านั้น จักมีความคิดอย่างนี้ว่า เรา ถึงความสิ้นญาติอย่างใหญ่เห็นปานนี้ เหตุเพราะสมาทานธรรมที่เป็นอกุศล อย่ากระ นั้นเลยเราควรทำกุศล ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นปาณาติบาต ควรสมาทาน กุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เขาจักงดเว้นจากปาณาติบาต จักสมาทานกุศล ธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม เขาจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วยวรรณะบ้าง เมื่อเขาเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตร ของมนุษย์ทั้งหลายที่มีอายุ ๑๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐ ปี ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้นสัตว์เหล่านั้นจักมีความคิดอย่างนี้ว่า เราเจริญ ด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง เพราะเหตุที่สมาทานกุศลธรรม อย่ากระนั้นเลย เราควรทำกุศลยิ่งๆ ขึ้นไป ควรทำกุศลอะไร เราควรงดเว้นจากอทินนาทาน ควรงดเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร ควรงดเว้นจากมุสาวาท ควรงดเว้นจากปิสุณาวาจา ควรงดเว้นจากผรุสวาจา ควรงดเว้นจากสัมผัปปลาปะ ควรละอภิชฌา ควรละพยาบาท ควรละมิจฉาทิฏฐิ ควรละธรรม ๓ ประการ คืออธรรมราคะ วิสมโลภ มิจฉาธรรม อย่ากระนั้นเลยเราควรปฏิบัติชอบในมารดา ควรปฏิบัติชอบในบิดา ควรปฏิบัติชอบ ในสมณะ ควรปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ควรประพฤติอ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ใน ตระกูล ควรสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เขาเหล่านั้นจักปฏิบัติชอบในมารดา ปฏิบัติชอบในบิดา ปฏิบัติชอบในสมณะ ปฏิบัติชอบในพราหมณ์ ประพฤติ อ่อนน้อมต่อท่านผู้ใหญ่ในตระกูล จักสมาทานกุศลธรรมนี้แล้วประพฤติ เพราะ เหตุที่สมาทานกุศลธรรมเหล่านั้น เขาเหล่านั้นจักเจริญด้วยอายุบ้าง จักเจริญด้วย วรรณะบ้าง เมื่อเขาเหล่านั้นเจริญด้วยอายุบ้าง เจริญด้วยวรรณะบ้าง บุตรของคน ผู้มีอายุ ๒๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๔๐ ปี จักมีอายุ เจริญขึ้นถึง ๘๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๘๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๑๖๐ ปี บุตร ของคนผู้มีอายุ ๑๖๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๓๒๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๓๒๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๖๔๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๖๔๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๒,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔,๐๐๐ ปี บุตร ของคนผู้มีอายุ ๔,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๘,๐๐๐ ปี บุตรของคนมีอายุ ๘,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๒๐,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๒๐,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญขึ้นถึง ๔๐,๐๐๐ ปี บุตรของคนผู้มีอายุ ๔๐,๐๐๐ ปี จักมีอายุเจริญ ขึ้นถึง ๘๐,๐๐๐ ปี ฯ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
khampan.a
วันที่ 2 พ.ค. 2566

เรียนความคิดเห็นที่ ๒ ครับ

ขอเชิญอ่านข้อความทั้งหมดได้ที่หัวข้อด้านล่างนี้ครับ

ด้วยความเสื่อมของกุศล อกุศล [จักกวัติสูตร] .

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ