ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๖
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๖
~ เกิดเป็นมนุษย์ ก็ยาก และการที่เป็นมนุษย์และมีศรัทธาหรือมีบุญที่ทำไว้แต่ปางก่อน ที่จะทำให้มีโอกาสได้ยินได้ฟังวาจาสัจจะ ซึ่งเป็นคำจริง ก็ยาก การเกิดเป็นมนุษย์ชีวิตจะสั้นยาวแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้ แต่เมื่อมีโอกาสได้ฟัง สะสมไป แล้วก็เป็นโอกาสที่จะทำให้เมื่อเกิดต่อไปข้างหน้า ชาติไหนชาติหนึ่งหรือชาติหน้า ก็อาจจะมีปัจจัยที่จะทำให้ได้ยินได้ฟังอีกที่จะสะสมต่อไปอีก
~ พระธรรมทั้งหมดที่ได้ทรงแสดงไว้ เพื่อให้เข้าถึงความเป็นธรรมของสภาพธรรมแต่ละอย่างว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่หลากหลาย แล้วก็มีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แต่ละขณะดับแล้วไม่กลับมาอีกเลยทุกขณะที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ เราฟังแล้วฟังอีก ก็เพื่อที่จะให้เข้าใจจนกระทั่งหยั่งถึงความจริงของสภาพธรรม ซึ่งหยั่งยาก เพราะเหตุว่า เราสะสมอวิชชามามากหมายเหลือเกิน
~ พระธรรมดำรงอยู่จนถึงวันนี้โดยอาศัยความเข้าใจ ถ้ามีแต่เพียงตำรับตำรามีพระไตรปิฎกซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะเข้าใจข้อความนั้นเลยก็เท่ากับว่าเสื่อมสูญจากความเข้าใจ มีประโยชน์อะไรที่จะมีหนังสือตำรามากมายแต่ว่าไม่มีความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจถูก ก็คือ การดำรงพระศาสนา แต่ถ้าเข้าใจผิดก็คือ การทำลายพระพุทธพจน์และพระศาสนา
~ ไม่ว่าจะเป็นอกุศลธรรมเพียงเล็กน้อยอย่างไร ก็เป็นโทษ เป็นภัย ที่ควรจะละคลายบรรเทาขัดเกลาในขณะนั้นเอง ถ้าไม่เห็นอกุศลธรรมอย่างละเอียด จะทราบไหมว่า นั่นเป็นอกุศลธรรม เมื่อไม่ทราบก็ไม่ขัดเกลา แต่เมื่อใดที่เห็นภัยของอกุศลธรรมแม้เพียงเล็กน้อยว่าเป็นโทษ ก็ย่อมมีความเห็นถูกที่จะขัดเกลาละคลายแม้อกุศลธรรมที่เพียงเล็กน้อยนั้น
~ การศึกษาธรรม ไม่ใช่เพื่อที่จะเอาประโยชน์ไปแก้ไขสถานการณ์ด้วยความเป็นตัวตน แล้วก็คิดว่า ได้ประโยชน์แล้วจากการฟังธรรม ชีวิตดีขึ้น ครอบครัวดีขึ้น ตัวตนทุกสิ่งทุกอย่างสบายขึ้น นั่นไม่ใช่การศึกษาธรรม การศึกษาธรรม คือ เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม นี่คือการศึกษาธรรม
~ เมื่อยังไม่สิ้นชีวิตไป ก็ควรสะสมความเห็นถูกความเข้าใจถูก ซึ่งก็เป็นความดี ไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่าเป็นความดีด้วยความเข้าใจถูกต้องว่า ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตน
~ การดับกิเลสเป็นเรื่องต้องอบรมเจริญปัญญานาน ต้องเป็นความรู้จริง และถ้าไม่รู้ความจริงอย่างนี้ ก็ไม่สามารถดับกิเลสได้ จึงต้องมีความเห็นถูกซึ่งเป็นปัญญา ตรงกันข้ามกับอวิชชา เมื่อมีความเห็นถูก ก็คือว่า เป็นธรรม ซึ่งไม่ใช่ตัวตน จึงสามารถดับอกุศลอื่นๆ โดยที่รู้ความจริงก่อนว่าเป็นธรรมซึ่งไม่ใช่ตัวตน คือ สามารถที่จะเห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมนั่นเอง
~ ควรเห็นโทษของอกุศลกรรม แล้วเมตตาในทุกคนที่กำลังได้รับผลของอกุศลกรรม อย่าให้เราเป็นคนที่ทำกรรมนั้น ถ้าคิดอย่างนี้ก็สบาย
~ มีเมตตาต่อกัน หวังดีต่อกัน เกื้อกูลกันที่จะให้ได้รับประโยชน์สูงสุดของการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกคนต้องตายทั้งนั้น แต่ขอให้เห็นถูกในโทษของอกุศล จนไม่ทำอกุศลกรรม
~ อกุศลทั้งหลายแม้เล็กน้อย พระพุทธเจ้าไม่ทรงสอนให้มีเลย ให้ขจัดจนกระทั่งไม่เหลือเลย
~ คนทุจริต เพราะเขาไม่รู้ แล้วเราเมตตาได้ไหม? ขณะนั้น จะเป็นโทษไหมถ้าเราเมตตา? แต่ถ้าเราไม่เมตตา ขณะนั้นกำลังประทุษร้ายจิตแน่นอน ทำให้เกิดโทษ ทำให้สะสมหมักหมมความไม่ดีเอาไว้ ด้วยเหตุนี้ ทุกคำต้องชัดเจน เมตตา ต้องไม่มีประมาณ ไม่ว่ากับใครทั้งสิ้น เมตตาได้ไหม?
~ จากคน ก็อาจจะไปเป็นนก เป็นงู เป็นจระเข้ที่ไหนก็ได้ เป็นการเตือนให้เห็นโทษของอกุศล
~ ปัญญาเกิดขึ้น ปัญญาเห็นถูกต้องจากการไตร่ตรอง เพราะรู้ว่า สิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร เพราะฉะนั้น คนที่ไม่ได้ฟังธรรม ไม่ได้เข้าใจความจริง ก็ยังคงเหมือนเดิมคือสะสมอกุศลไว้มากขึ้นๆ แต่ผู้ที่มีปัญญา รู้ว่า ทุกคนมีอกุศลมากจนเกินกว่าที่จะให้หมดไปได้ทันทีโดยที่ไม่มีการสะสมคุณความดี เพราะเหตุว่า ขณะใดก็ตามที่จิตเศร้าหมอง เป็นอกุศล ไม่ดี ขณะนั้นไม่สามารถจะรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ
~ การศึกษาธรรมเป็นการศึกษาเรื่องสิ่งที่มีจริงๆ เพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น ผู้ฟังทุกคนที่จะเข้าใจความจริงได้ ต้องเป็นผู้ที่ตรงต่อความจริง
~ ถ้าอกุศลเกิด กุศลเกิดไม่ได้ ไม่พร้อมกัน เพราะฉะนั้น การที่จะมีอกุศลน้อยลง คือ มีกุศลจิตหรือความดีเพิ่มขึ้น เริ่มเห็นคุณของความดี ไม่ใช่ไปเห็นความชั่ว ความทุจริตว่า เร็วดี จะทำให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้ตามที่ต้องการ แต่เพราะมีความเข้าใจอย่างแท้จริงว่า เหตุกับผลต้องตรงกัน เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นโทษของอกุศลแล้ว ทุกคนวันนี้รู้ว่ามีมาก ถ้าเห็นจริงๆ ความดีจะเพิ่มขึ้น แม้แต่การตรึก ความคิดทั้งหมด ก็เป็นไปในทางกุศล
~ ใครทำอกุศลกรรม สงสารไหม? เริ่มเห็นใจว่า วันหนึ่งกรรมนั้นต้องให้ผล อย่างที่เรารู้เหตุการณ์ต่างๆ มีคนถูกทำร้ายบ้าง เจ็บไข้ได้ป่วยบ้าง แลกเปลี่ยนกันไม่ได้เลย จะไปเจ็บแทนก็ไม่ได้ เพราะเหตุว่า กรรมทำให้เกิดแล้วเมื่อเกิดแล้วเปลี่ยนไม่ได้ก็ต้องเป็นไปตามกรรม
~ มีข้อความในพระไตรปิฎก "ให้โดยไม่ผูกพัน" หมายความว่า ให้โดยไม่หวังอะไรเลยในการให้ ไม่หวังจากคนที่ได้รับเลยไม่มีแม้แต่การผูกพันว่า จะได้รับความสนิทสนมหรือว่าจะได้รับความคุ้นเคยต่างๆ นั้นจึงจะเป็นการให้โดยไม่ผูกพัน
~ ได้ฟังข่าวเรื่องราวของการประพฤติผิด ทุจริตต่างๆ รู้เลยว่าไม่มีปัญญา เพราะถ้ามีปัญญาจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้น พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทำให้เกิดปัญญาความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ เกิดมาทั้งชาติ ทุกชาติๆ หวั่นไหวมากเหลือเกินในเรื่องสุขและทุกข์ จนกว่าจะถึงวาระที่ไม่หวั่นไหวในสุขและทุกข์ ก็ลองคิดดูว่า เมื่อไหร่จะถึงอย่างนั้น ถ้าไม่ได้อบรมเจริญปัญญาจริงๆ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๕
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
ฟังธรรมที่ท่านให้ ไม่หยุด คงมั่นอันประดุจ เพชรได้ พึงขอกราบในพุทธ ปีติ นั่นแล นบอาจารย์สุจินต์ไว้ ยกเกล้าตลอดมา