สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร

 
wittawat
วันที่  16 มิ.ย. 2566
หมายเลข  46077
อ่าน  344

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น

ไม่นานมานี้ลูกชาย ได้ถามผมว่า "อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุด?"

ผมเองก็ตอบว่าก็แล้วแต่ว่าจะถามใคร คำตอบแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน แล้วก็ย้อนถามเค้ากลับไปว่าแล้วหนูคิดว่าอะไรสำคัญที่สุด ซึ่งคำตอบของเค้าบอกว่า "ชีวิต" เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

ซึ่งก็ได้อธิบายเค้าว่า "ถ้าเกิดอันตรายใดๆ ทรัพย์สมบัติ ก็ไม่ได้มีค่ามากกว่าอวัยวะ อวัยวะก็ไม่ได้มีค่ามากกว่าชีวิต"

แต่ถ้าไปถามพระโพธิสัตว์ที่สะสมบารมีมา ๔ อสงไขยแสนกัปป์ เพื่อถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือผู้ที่เป็นสาวกที่อบรมบารมีเพื่อที่จะรู้แจ้งความจริง ท่านก็สละแม้ชีวิต เพื่อธรรม (เพื่อที่จะรู้แจ้งความจริง คือ พระนิพพาน) อันนี้ก็เป็นไปตามระดับความเข้าใจของผู้ที่ตอบ

และเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้ฟังเรื่องของ ท่านพระสุเมธาเถรี ที่ก่อนบวชได้ตรัสกับพระราชบิดาและพระราชมารดาที่จะยกท่านแก่พระเจ้าอนิกรัตตะว่า ท่านต้องการบวชไม่ต้องการแต่งงาน และถ้าจะยกท่านให้แต่งงานก็ขอตายดีกว่า ซึ่งท่านก็ได้ยกพุทธพจน์มากมายอธิบายแก่ทั้งพระราชบิดา พระราชมารดา รวมถึงพระเจ้าอนิกรัตตะด้วย ซึ่งท้ายที่สุดพระเจ้าอนิกรัตตะก็ทูลขอพระบิดา และพระมารดาของนาง เพื่อให้นางได้บวช

ขอยกข้อความบางส่วน (ที่สุเมธาราชกัลยาตรัสกับพระเจ้าอนิกรัตตะ) จาก ขุททกนิกาย เถรีคาถา มหานิบาต สุเมธาเถรีคาถา (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 508)

"เมื่อพระนิพพานที่ไม่มีความแก่มีอยู่ พระองค์ยังจะต้องการอะไรด้วยกามทั้งหลาย ที่มีความแก่เล่าชาติทั้งปวง อันมรณะและพยาธิกำกับไว้ ในภพทุกภพ.

พระนิพพานนี้ไม่แก่ พระนิพพานนี้ไม่ตายพระนิพพานนี้เป็นบทอันไม่แก่ไม่ตาย ไม่มีความเศร้าโศก ไม่ถูกข้าศึกเบียดเบียน ไม่พลาด ไม่น่ากลัวไม่มีความเดือดร้อน.

พระนิพพานนี้ พระอริยะเป็นอันมากบรรลุแล้วอมตนิพพานนี้ อันผู้พยายามโดยแยบคาย ควรได้ในวันนี้นี่แหละ แต่ผู้ไม่พยายามหาอาจได้ไม่."

ขอกราบให้อาจารย์วิทยากรแสดงความเห็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อปัญหานี้ด้วย "สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร" ในทางธรรม กราบอนุโมทนาครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 17 มิ.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ -
หน้าที่ ๔๐๖

ครั้งนั้นแล นางยักษิณีผู้เป็นมารดาของปุนัพพสุ ปลอบบุตร
น้อย อย่างนี้ว่า

นิ่งเสียเถิดลูกอุตรา นิ่งเสียเถิดลูกปุนัพพสุ
จนกว่าแม่จะฟังธรรมของพระ-

พุทธเจ้าผู้ประเสริฐ ผู้เป็นพระศาสดาจบ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสนิพพานอันเป็น
เครื่องเปลื้องตนเสียจากกิเลสเครื่อง
ร้อยรัดทั้งปวง เวลาที่ปรารถนาใน
ธรรมนั้นจะล่วงเลยแม่ไปเสีย ลูกของตน
เป็นที่รักในโลก สามีของตนเป็นที่รักในโลก
แต่ความปรารถนาในธรรมนั้น เป็นที่รัก
ของแม่ยิ่งกว่าลูกและสามีนั้น เพราะลูก
หรือสามีที่รัก พึงปลดเปลื้องจากทุกข์ไม่ได้
เหมือนการฟังธรรมย่อมปลดเปลื้องเหล่า
สัตว์จากทุกข์ได้ ในเมื่อโลกอันทุกข์
วงล้อมแล้ว ประกอบด้วยชราและมรณะ
แม่ปรารถนาจะฟังธรรมที่พระพุทธเจ้า
ตรัสรู้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง เพื่อพ้นจาก
ชราและมรณะ จงนิ่งเสียเถิดลูกปุนัพพสุ.

ปุนัพพสุ พูดว่า

แม่จ๋า ฉันก็จักไม่พูด อุตราน้องสาว
ของฉัน ก็จักเป็นผู้นิ่ง เชิญแม่ฟังธรรม
อย่างเดียว การฟังพระสัทธรรมนำความ
สุขมาให้ แม่จ๋า เราไม่รู้พระสัทธรรมจึง
ได้เที่ยวไปลำบาก พระพุทธเจ้าพระองค์นี้
เป็นผู้ทำความสว่างไสวแก่เทวดาและ
มนุษย์ผู้ลุ่มหลง มีพระสรีระครั้งสุดท้าย
มีพระจักษุ แสดงธรรมอยู่


คำถามของลูกชายคุณวิทวัต ดีมากเลย เป็นคำถามที่เป็นประโยชน์มาก และคำตอบ ก็หลากหลายตามความคิดความเห็นของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแล้ว ไม่มีอะไรที่จะสำคัญ มีค่า หรือ มีประโยชน์ที่สุด เท่ากับการมีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพื่อความเจริญขึ้นของปัญญาความเข้าใจถูก จนถึงการประจักษ์แจ้งความจริงดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น (ดังข้อความในปุนัพพสุสูตร
ที่อัญเชิญไว้เบื้องต้น)


สำหรับคำตอบของลูกชาย ย่อมไม่ผิดอย่างแน่นอน ถ้าชีวิตนั้นเป็นชีวิตที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมสภาพธรรมฝ่ายดีต่อไป

คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

เราเกิดมาสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตคืออะไร บางคนก็อาจจะตอบกันไปคนละอย่าง เพราะว่าทุกคนเกิดแล้วต้องตาย สิ่งที่คิดว่าได้มาแล้วทั้งหมดทุกวัน แม้แต่เมื่อวานนี้ เดี๋ยวนี้อยู่ที่ไหน ความสุขเมื่อวานนี้อยู่ที่ไหน เรื่องสนุก อาหาร หรือว่า ลาภยศก็ตามแต่ จะติดตามไปถึงโลกหน้าได้ไหม เพราะฉะนั้น จริงๆ แล้วในหนึ่งชาติที่เกิดมาเป็นมนุษย์ได้อะไร แต่ถ้าไม่ได้ฟังคำสอน จะไม่รู้คุณค่าเลยว่า สิ่งที่มีค่าเหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ ปัญญา ความเห็นถูก ความเข้าใจถูก ซึ่งบุคคลอื่นที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่สามารถที่จะแสดงให้บุคคลอื่นเกิดความรู้ความเข้าใจในสิ่งที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏเป็นแต่ละขณะในชีวิตนี้ได้เลย

เพราะฉะนั้น เมื่อเห็นประโยชน์อย่างนี้ ทุกคนก็คงจะมีความมั่นคงที่จะรู้ว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ลาภซึ่งเสื่อมได้ ไม่ใช่ยศซึ่งเสื่อมได้ ไม่ใช่สรรเสริญ ไม่ใช่สุข ซึ่งเป็นสิ่งประจำโลก ซึ่งทุกคนก็ได้รู้ได้เห็นด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้น สิ่งซึ่งประเสริฐกว่านั้น ก็คือ การที่ได้มีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจพระธรรม และก็สมกับเป็นผู้นับถือในพระพุทธศาสนา คือ ในคำสอนของผู้ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ว่าธรรมไม่ใช่เรื่อง (ฟัง) วันเดียว ไม่ใช่เรื่องครึ่งวัน แต่เป็นเรื่อง (ที่จะต้องฟัง) ตลอดชีวิต ถ้าเห็นประโยชน์ จะรู้ว่าขาดธรรมไม่ได้ เพราะเหตุว่าถึงแม้ว่าสิ่งอื่นจะเกิดขึ้นและหมดไป แต่ความรู้ความเข้าใจซึ่งเริ่มเกิดขึ้น และก็มีความสนใจที่จะรู้ต่อไป จะเจริญขึ้น

เพราะฉะนั้น เมื่อพูดถึงความเจริญ คนส่วนใหญ่ก็คิดถึงความเจริญด้านวัตถุ แต่ว่าใจเป็นอย่างไร? ที่กำลังเดือดร้อนและก็จะเดือดร้อนต่อไปอีกก็เพราะจิตใจเจริญหรือเปล่า หรือว่าไม่มีความเจริญเพราะไม่มีความเข้าใจ ด้วยเหตุนี้ การแก้ปัญหาต่างๆ ไม่ใช่แก้ด้วยอย่างอื่น แต่แก้ด้วยสภาพของจิตซึ่งได้ฟังพระธรรมและมีความเข้าใจ ซึ่งนำ (เกื้อกูล,อุปการะ) ให้แม้แต่คิด แม้แต่ทำ ก็ถูกต้องยิ่งขึ้น


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของคุณวิทวัตพร้อมทั้งลูกชาย และทุกๆ ท่านด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wittawat
วันที่ 17 มิ.ย. 2566

กราบอนุโมทนาอาจารย์คำปั่นครับ กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยครับ สิ่งที่มีค่าสำคัญสูงสุด คือ ความเข้าใจ มีความเข้าใจจากการฟัง เป็นต้น เพราะรูปไม่สามารถนำไปได้ ส่วนนามธรรมเท่านั้นที่สะสมเป็นอุปนิสสยปัจจัยได้ และนามธรรมที่เกิดดับที่ประเสริฐสุดก็คือ ปัญญา ถ้าไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษาธรรมเลยในชาตินี้ แล้ว ชาติถัดไปจะเข้าใจธรรมได้อย่างไร

การมีชีวิตเพื่ออบรมเจริญปัญญา เป็นสิ่งที่กระผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็มีข้อความบางประการ ปรากฎในอรรถกถา แสดงถึง การอบรมเจริญปัญญา ประเภทอุกฤษฏ์ เช่น อดีตชาติ ของท่านพระพาหิยะ ท่านกุลบุตรปุกุตสาติ ท่านพระกุมารกัสสัปปะ ท่านพระทัพพมัลลบุตร เป็นต้น ที่เป็นสหชาติ เกิดเป็นพระภิกษุรวมเป็น ๗ รูป ในศาสนาของพระกัสสัปปสัมมาสัมพุทธเจ้า ขึ้นไปบนเขา ปฏิญาณตนว่าถ้าไม่บรรลุมรรคผล จะไม่รับบิณฑบาตเลย มี๒รูปเท่านั้นที่ได้เป็นพระอริยบุคคล ซึ่งผู้ที่บรรลุแล้วก็พยายามเอาบิณฑบาตมาให้รูปที่เหลือ แต่ท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครรับบิณฑบาตนั้น และ อีก ๕ รูปที่เหลือก็สิ้นชีวิต เพราะขาดอาหาร

ก็ทำให้คิดว่า ถ้าไปถามบุคคลเหล่านี้ ว่าสิ่งใดสำคัญ ดูเหมือนท่านเหล่านั้น ไม่อาลัยในชีวิตเลย ซึ่งเข้าใจว่าการอบรมเจริญปัญญานั้นสำคัญกว่าแม้ชีวิตของท่าน ซึ่งก็คงแล้วแต่อัธยาศัยของผู้นั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าใครๆ จะไปทำตามท่านเหล่านั้นได้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Junya
วันที่ 21 มิ.ย. 2566

กราบอนุโมทนาในกุศลเป็นอย่างยิ่งค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ