ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๙
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๙
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเรียกร้องให้ใครไปทำความดีกับพระองค์หรือเปล่า? หรือว่าทั้งหมดด้วยพระมหากรุณาที่เพื่อเขาเท่านั้น เพื่อทุกคนที่จะได้รู้ความจริง เพื่อทุกคนจะได้เป็นคนดีขึ้น เพื่อทุกคนจะได้ไม่มีความชั่วร้ายที่สะสมมามากมายมหาศาลทั้งกายและวาจา
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เป็นประโยชน์โดยตลอด ทำให้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่มีแม้บทเดียว ที่จะไม่มีประโยชน์ เพราะเป็นความจริงจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์ เป็นเรื่องของการขัดเกลาทั้งนั้น จึงจะเป็นพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ กัลยาณมิตร หมายถึง มิตรที่ดี ผู้หวังดีต่อผู้อื่น เพื่อประโยชน์ของผู้อื่น กัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงเกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจ ซึ่งเป็นความเข้าใจของบุคคลนั้นนั่นเองที่จะละกิเลสของบุคคลนั้นเอง ใครๆ ก็ไปละความไม่รู้ให้ใครไม่ได้ นอกจากคำที่กล่าวถึงความจริงที่สามารถเข้าใจได้ ค่อยๆ เข้าใจขึ้น
~ คำที่กล่าวไว้ในพระไตรปิฎก ไม่ได้อยู่ที่อื่นเลย แต่อยู่ที่นี่และเดี๋ยวนี้ด้วย ถ้าไม่รู้ประโยชน์ของการเข้าใจสิ่งที่มีจริง ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้เข้าใจ เพราะไม่รู้ว่าคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ได้อยู่ไกล แต่เป็นคำสอนที่ใครๆ ก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
~ แต่ละคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเปิดเผยให้รู้ว่า เราไม่รู้อะไรมานานแสนนาน และไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ด้วยเหตุนี้ การที่เรามีโอกาสได้เข้าใจธรรม จึงเป็นโอกาสที่ประเสริฐที่สุด
~ ถ้ารู้คุณของความดี ทำความดีได้ แต่ถ้าไม่รู้คุณ จะทำได้ไหม ก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุด ก็คือ รู้ว่าคุณความดีคืออะไร เมื่อรู้คุณของความดีแล้ว ผู้นั้นเป็นคนดี และทำความดีทุกประการ
~ ต้องเป็นผู้ที่ตรง แม้แต่ในการศึกษาธรรม เพื่อขัดเกลา แล้วการที่จะขัดเกลาได้ก็ต่อเมื่อรู้ความจริง เพราะฉะนั้น ก็คือ รู้ว่าไม่มีใครสามารถที่จะเอาอกุศลที่สะสมมาในจิตของตัวเองออกทิ้งหมดไปได้เลย นอกจากปัญญาที่ค่อยๆ เกิดขึ้น
~ เมื่อมีความเห็นถูกแล้ว คิดถึงคนอื่นที่เขาเห็นผิดบ้างไหม? ที่ถ้ามีโอกาสที่จะเกื้อกูล เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่สุดในชีวิตที่เกิดมา เพราะฉะนั้น ใครที่มีโอกาสได้เข้าใจพระธรรม เห็นคุณอย่างยิ่ง แล้วทำทุกอย่าง ในชีวิตซึ่งไม่มีอะไรจะมีประโยชน์ยิ่งกว่านี้เลย คือ ให้คนอื่นได้มีความเข้าใจพระธรรมด้วย
~ พระธรรมเป็นสิ่งที่ควรอย่างยิ่งแก่การได้ยินได้ฟังด้วยความเคารพในความลึกซึ้งของผู้ที่ทรงตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้ด้วยพระมหากรุณาที่จะให้คนอื่นได้เข้าใจถูก ได้เห็นถูก
~ อยู่ดีๆ จะให้จำดีได้ไหม? เพราะว่า ยังจำไม่ดีมาตั้งนานแสนนานโดยไม่รู้ตัวด้วยว่าไม่ดี เพราะฉะนั้น ก็เริ่มจำดี จำคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ฟัง เข้าใจแค่ไหนอย่าพึ่งทิ้งไป ต้องไตร่ตรองอีกจนกว่าจะเข้าใจทีละน้อยมั่นคงขึ้น
~ คนที่มั่นคงในธรรม ไม่ประมาทในกุศลแม้เพียงเล็กน้อย แต่ก่อนอาจจะคิดถึงแต่กุศลใหญ่ๆ ที่จะทำ แต่พอฟังธรรมแล้ว แม้หนึ่งขณะที่เป็นกุศลก็ไม่พลาดที่จะทำถ้าขณะนั้นเห็นประโยชน์เห็นคุณค่าของกุศลที่จะนำไปสู่ความเข้าใจธรรมได้ ไม่ใช่เรา แต่ปัญญาเท่านั้นที่กำลังทำหน้าที่ แม้แต่คิดถูกก็เป็นปัญญาระดับหนึ่ง
~ ทานสูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด คือธรรมทาน ให้คนอื่น ไม่รู้จักกันก็ได้ ใช่ไหม? แต่ว่าพร้อมที่จะให้เพราะเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุดในสังสารวัฏฏ์ ไม่เลือกว่าจะต้องเป็นใครทั้งนั้น แต่ก็เห็นประโยชน์ที่ใครก็ตามที่มีโอกาสได้ยินได้ฟังสามารถเข้าใจถูก ผู้นั้นมีจิตอนุเคราะห์ มีความหวังดีเป็นมิตรที่หวังดีที่จะให้เขาได้รับประโยชน์สูงสุดในสังสารวัฏฏ์คือได้เข้าใจคำจริง
~ ศัตรู คือ อกุศลที่เกิดกับจิต ขณะนี้มีใครรู้จักศัตรูบ้างแล้ว หรือรู้จักเพียงแต่ชื่อ แต่เวลาที่ศัตรูเกิดจริงๆ กำลังทำร้ายจริงๆ จิตขณะนั้น เสีย เป็นโรค เน่าจริงๆ ขณะนั้นไม่รู้เลยว่ามีศัตรูแล้ว นี่เป็นสิ่งที่พระธรรมจะทำให้ทุกท่านรู้จักศัตรูของตนเองดีขึ้น
~ อกุศลเกิดจากความไม่รู้ จะทำให้รู้ไม่ได้ ไม่ว่าขณะใดที่เป็นอกุศล ไม่สามารถที่จะเข้าใจความจริงได้ ถ้าเข้าใจอย่างนี้ เป็นปัจจัยให้ทำกุศลแม้เล็กน้อย เพื่อขณะนั้นจะได้ไม่ให้อกุศลเกิดจนมีกำลังขึ้นอีกจากการที่สะสมมาแล้วมาก
~ ต้นเหตุของทุกปัญหา ก็คือ ความไม่รู้ จะแก้ได้ ก็ต่อเมื่อเป็นความรู้จริงๆ เพราะถ้าเราเข้าใจธรรม เรารู้ว่าอะไรดี อะไรชั่วจริงๆ อะไรถูกอะไรผิดจริงๆ ความรู้นั้นต่างหาก ที่จะนำชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง ในทางที่เป็นกุศล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ยืนหยัดในความถูกต้องในทางที่เป็นกุศลที่ดีงาม จะไม่ทำชั่ว เพราะปัญญา
~ กุศล แม้เล็กน้อยก็อย่าประมาท ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทาน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องศีล หรือเรื่องอะไรก็ตาม เพราะว่าอกุศลมากมาย พร้อมที่จะเกิดเพิ่มขึ้น เพราะฉะนั้น การขัดเกลากิเลสก็ยากขึ้น
~ การใส่ใจกับคำที่ไร้สาระ เสียเวลาอย่างยิ่ง เพราะเวลาเป็นสิ่งที่มีค่า ถ้าเราสามารถที่จะใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์ ให้คนที่เข้าใจผิดได้เข้าใจถูก จะดีกว่าเยอะเลย
~ กุศลทุกประการที่จะเจริญขึ้น ก็จะพ้นจากการอบรมเจริญปัญญาไม่ได้ เพราะว่าถ้าไม่มีปัญญา ความเข้าใจในพระธรรม กุศลทั้งหลายก็เจริญไม่ได้ แต่ที่กุศลทั้งหลายจะเจริญได้ ก็เพราะมีความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น
~ ท่านที่ทราบว่า มีกิเลสมาก การที่จะขัดเกลา ละคลายจนถึงดับกิเลสได้ ต้องอาศัยการอบรมเจริญกุศลมากมายหลายประการ แต่ละท่านก็ต่างอัธยาศัยตามการสะสม เพราะฉะนั้น ท่านที่ขวนขวายในการที่จะขัดเกลาละคลายดับกิเลส ท่านก็พากเพียรที่จะเจริญกุศลเท่าที่ท่านสามารถจะกระทำได้
~ ปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกคนมี แต่เป็นสิ่งซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ โดยอาศัยการฟัง การพิจารณา การไตร่ตรอง การสนทนา การเห็นประโยชน์ แล้วก็การฟังเพิ่มขึ้น เข้าใจเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๑๘
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...