กุศลกับอกุศลไม่มีวันที่จะปรองดองกันได้เลย

 
nattawan
วันที่  30 ก.ค. 2566
หมายเลข  46323
อ่าน  404

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

📝Note:ทิพย์ธรรมบรรเลง คร้ังที่1
🌿28/7/60@สโมสรกองทัพบก

📍ความไม่รู้ทั้งหมด ... นำมาซึ่งความทุกข์ เกิดขึ้นแล้วดับไปไม่กลับมาอีก วันนี้ ... ก็มีเฉพาะแค่ขณะนี้

📍ทุกข์ เพราะไม่รู้ ... แม้สิ่งนั้นกำลังเผชิญหน้าก็ไม่รู้ ทั้งหมดเป็นธรรมตั้งแต่เกิดจนตาย แต่ไม่มีใครรู้ ... ทั้งหมดต้องฟัง แล้วปัญญาไตร่ตรอง ...

📍กว่าความดี ... จะละคลายสภาพธรรมที่ถูกปกปิดมาตลอด

📍เชื่อไหมคะ!!!ว่าขณะนี้กำลังมีสภาพธรรมเกิดดับ ค่อยๆ สะสมปัญญาในขณะนี้ ทีละเล็กทีละน้อย ไม่มีใครสามารถที่จะทำให้สภาพธรรมเกิดขึ้นได้นอกจาก👉🏻ปัจจัยอย่างเดียว ...

📍เดี๋ยวนี้ที่เคยเป็นเรา ...
จริงๆ แล้วเป็นอะไร!!! ไม่ใช่เพื่อให้ละความเป็นเราทันที แต่ให้เข้าใจคำของพระองค์ เป็นคำจริงอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง จนกว่าจะเป็นเถรวาท คือการเข้าใจธรรมที่ไม่เปลี่ยนแปลง

📍ถาม:เห็นโลภะ ละโลภะคืออย่างไร?
ท่านอ.: โลภะรู้อะไรหรือเปล่า!! จะไปรู้โลภะขณะนี้ได้ไหม!! โลภะติดข้องในสิ่งที่ไม่ใช่เราแล้วเป็นอะไร!! เพราะฉะนั้นได้ยินคำไหน ค่อยๆ เพิ่มความเข้าใจทีละคำๆ เพื่อนำไปสู่คำที่กำลังสงสัย!!!

📍โลภะติดข้องในสิ่งที่เห็น ขณะนี้มีโลภะในสิ่งที่เห็น ... แล้วเจอชื่อโลภะ เจอเรื่องโลภะ แม้ยังเป็นเราที่เจอ ถ้าไม่ฟังก็ไม่เจออะไรเลย!! แต่ยังไม่ได้เจอโลภะจริงๆ

📍ทุกข์อริยสัจ ... ต้องเป็นไปอย่างนี้ในสังสารวัฏฏ์ กว่าจะรู้อย่างนี้!!!เห็นปัญญาคุณของพระพุทธองค์ ท่านทรงแสดงเพื่อให้เราเห็นพระคุณของพระองค์ จะรู้ก็ต่อเมื่อได้เข้าใจธรรมมากขึ้น

📍ในขั้นฟังก็เริ่มจะเห็น "เงา" ของธรรม ยังไม่เห็น"ตัวจริง" ของธรรม

📍ถ้าไม่มีคุณความดีเลย จะดับกิเลสได้อย่างไร ... เพราะฉะนั้นสะสมคุณความดี

📍การฟังธรรมไม่ใช่ให้ใครมาบอกต้องทำอย่างไร แต่เป็นความเข้าใจของเราต่างหาก เพราะแต่ละคนก็มีจิต จะสะอาดผ่องใส หรือว่าเศร้าหมองด้วยกิเลส

📍โอกาสของกุศลในวันหนึ่งๆ มีบ้างไหม แม้เพียงเล็กน้อยที่จะไม่ให้ อกุศลจิตเกิดขึ้น ... เพราะกุศลกับอกุศลไม่มีวันที่จะปรองดองกันได้เลย

📍ความคิดของแต่ละคนหลากหลายมากตามการสะสม แต่ไม่ใช่ให้เราไปติดในตรงนั้น แต่เข้าใจอกุศลในวันหนึ่งๆ มาก แต่เข้าใจพอที่จะให้กุศลเกิดได้ไหม!!! จากกาย วาจา ใจทั้งหมด ก็เพราะมีความเข้าใจเจริญขึ้น โดยที่ใครก็บังคับบัญชาไม่ได้

📍ทุกข์เพราะติดข้องในสิ่งที่ปรากฎโดยไม่มีกฎเกณฑ์ ... แต่ความเห็นที่ถูกต้อง จะน้อมไปสู่ความดีจนเป็นบารมี

📍ทุกคนอยากดี ... วันนี้ดีตรงไหน!!!ถ้าตรงไหนไม่ดีก็คือไม่ดี ... แต่ว่าเมตตาคนชั่วได้ไหม! เห็นใจได้ไหม! เพราะสะสมเจตนามาไม่ดี เพราะฉะนั้นก่อนอื่นต้องเห็นก่อนว่ากิเลสไม่ดี น่าสงสารความไม่ดีได้ไหม!!เพราะเขาจะต้องได้รับผลของกรรม และมีทางไหนที่จะช่วยเขาเดี๋ยวนั้น นั่นคือกัลยาณมิตร แทนที่จะไปโกรธเกลียด ... จิตในขณะนั้นเมตตาเขาได้ไหม

📍มีใจเสมอ คือมีความเป็นมิตร ... ความเป็นผู้มีตนเสมอ ซึ่งทั้งหมดเป็นธาตุ เสมอในความเป็นธาตุ เพราะฉะนั้นความมีตนเสมอคนอื่นก็ดี ไม่ใช่ความสำคัญตน ... เป็นเหตุให้มีความเห็นใจผู้อื่นด้วยความเป็นมิตรจริงๆ

📍มานะอกุศล ... มีความสำคัญตนในความเป็นเรา ปกติแล้วความสำคัญตนจะไม่ปรากฎ ถ้าไม่มีการเทียบเคียง ไม่เป็นกุศลในขณะนั้น

📍ใครๆ ก็ชอบคำพูดที่น่าฟัง ... เขาเป็นใครไม่สำคัญ แต่คำพูดของเราก็ไม่ควรทำให้เขาเดือดร้อนใจ

📍สิ่งที่ได้ยินในขณะนี้ กำลังปรุงแต่งให้จิตในขณะต่อไป ... ปัญญาจะทำหน้าที่ปรุงแต่ง ทำให้สิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อน ที่เคยคิดว่า"ดี"ทำยาก แต่ถ้าเข้าใจความดีก็ไม่ได้ยากอะไร เริ่มเปลี่ยน เริ่มเห็น แต่ก็ยังเป็นเรา จนกว่าจะดับความเป็นเราขั้นพระโสดาบัน

📍เพราะฉะนั้นต้องอาศัยบารมี คือคุณความดีทั้ง10 ด้วยปัญญา ไม่ใช่ด้วยความเป็นเรา

📍การศึกษาธรรม จุดประสงค์เพื่ออะไร ต้องตรง ไม่ว่าจะฟัง จะอ่าน หรืออยู่ที่ไหนๆ (ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับสถานที่) เป็นไปตามอัธยาศัย ... ก็เพื่อเข้าใจธรรม

📍ต้องเป็นปัญญาที่อาศัยจากการฟังด้วยความเป็นอนัตตา หนทางที่จะนำไปสู่ความไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นฟังธรรมเพื่อละความไม่รู้ เพื่อละความไม่ใช่เรา

📍ถ้ามีความเข้าใจในความเป็นธรรมอย่างมั่นคงว่าไม่ใช่เรา การศึกษาพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม ก็เหมือนกันว่าไม่ใช่เราที่กำลังอ่าน แต่เป็นธรรมที่กำลังปรากฎ สอดคล้องกันทั้งหมดโดยไม่ต้องเรียกชื่อ

📍ทั้งหมดเป็นไปเพื่อการ "ละ"ทั้งสิ้น

📍กรรม ... นำมาซึ่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ใจ แล้วยังแสวงหากันต่อไป

📍เงิน ... นำมาซึ่งสิ่งที่ต้องการ นำมาซึ่งรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว เพราะฉะนั้นได้ลาภ คือได้สิ่งที่ต้องการ ซึ่งนำมา ... ก็เป็นกิเลสแล้วยังงัย!!!ถ้าไม่ได้แล้วยังงัย!!! เพราะฉะนั้นทุกข์มาจากไหน? มาจากการติดข้องต้องการ ... มีแต่ทุกข์ทางกายอย่างเดียวที่เป็นทุกข์ หนีไม่พ้น

📍กิเลสเป็นกรรม เป็นเหตุให้เกิดวิบาก เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีกิเลสก็ไม่มีกรรม ... กรรม กิเลส สั่งสมวิบาก

📍คำของพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธพจน์
ไม่ใช่เถรวาท

📍ความมั่นคงอยู่ที่ตัวเองในขณะที่เข้าใจ เถรวาทอยู่ตรงไหนต้องกล้าและมั่นคง

📍มั่นคงระดับไหน เพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ เพื่อไม่ให้คนมาทำร้ายคำสอน เพราะฉะนั้นพูดคำจริงก็เป็นเถระมั่นคง

**โอกาสของกุศลในวันหนึ่งๆ มีบ้างไหม แม้เพียงเล็กน้อยที่จะไม่ให้อกุศลจิตเกิดขึ้น ... เพราะกุศลกับอกุศลไม่มีวันที่จะปรองดองกันได้เลย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ภาพประกอบ : พี่แอ๊ว นภา จันทรางศุขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ

ยินดีในกุศลจิตทุกท่านค่ะ


เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ