แน่ใจหรือยังว่าไม่มีใครเลยนอกจากธรรม_สนทนาธรรม ไทย-ฮินดี วันเสาร์ที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๖

 
เมตตา
วันที่  31 ก.ค. 2566
หมายเลข  46334
อ่าน  380

- วันนี้มีอเหตุกจิตบ้างไหม? (มี) เมื่อไหร่? (ตอนนี้) เดี๋ยวนี้มีไหม? (มี) เดี๋ยวนี้มีอเหตุกจิตอะไร? (มีเห็น) ก่อนเห็นมีอะไร? (มีอาวัชชนะ) แล้วก่อนอาวัชชนะมีอะไร? (ภวังค์) ต้องมีภวังค์ทุกครั้งก่อนเห็น ก่อนได้ยิน ก่อนได้กลิ่น ก่อนลิ้มรส ก่อนรู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ก่อนคิดนึก เปลี่ยนได้ไหมไม่ให้เป็นอย่างนี้? (ไม่ได้) แน่ใจหรือยังว่าไม่มีใครเลยนอกจากธรรม? (แน่ใจค่ะ) .

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ และกราบยินดีในกุศลของคุณสุคิน ผู้ถ่ายทอดคำท่านอาจารย์เป็นภาษาฮินดีค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 31 ก.ค. 2566

- ขณะไหนในชีวิตที่มีประโยชน์ที่สุด? (ขณะที่เข้าใจความจริง) ขณะที่เข้าใจความลึกซึ้งของธรรม คุณอาช่ามั่นคงไหมขณะที่เข้าใจความลึกซึ้งของธรรม เพราะเหตุว่าเพียงคำ เพียงชื่อ จะมีประโยชน์ไหม? (มั่นคง) ได้ยินแต่ชื่อ จำเรื่องราวของชื่อ จำเรื่องราวของจิตเป็นชื่อตลอดชีวิตมีประโยชน์ไหม? (ไม่มีประโยชน์) .

- เพราะฉะนั้น ถ้ามีความเข้าใจที่มั่นคง ขณะนี้ไม่ใช่ชื่อแต่ว่าเป็นสิ่งที่มีจริงๆ ซึ่งถ้าไม่ใช้ชื่อไม่สามารถจะรู้ความจริงของแต่ละธรรมได้.

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 31 ก.ค. 2566

- เห็นไหม ถ้าเราศึกษาไม่ละเอียดเราไม่สามารถจะเข้าใจความเป็นธรรม เพราะเราจำชื่อ แต่ถ้าเรามีความเข้าใจว่าทุกคำกล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่เราไม่เคยรู้ว่า ไม่ใช่เราไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เพราะฉะนั้น เรากำลังศึกษาสิ่งที่มีจริงซึ่งเป็นธาตุรู้ซึ่งเป็นจิตที่มีเหตุเกิดร่วมด้วยและไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย หมายความว่าอย่างไรมีเหตุเกิดร่วมด้วยไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย? (เป็นจิตที่ไม่มีเหตุ) เพราะฉะนั้น สันตีรณกุศลวิบากทำไมมี ๒? (ตรงนี้ยังไม่เคยได้ยินและไม่เคยพิจารณาแค่จำได้ว่าที ๒) เพราะฉะนั้น เราไม่รีบร้อนไปพูดหลายๆ คำ แต่ว่าทุกคำให้เข้าใจมั่นคงจนไม่เปลี่ยนในเหตุในผล นี่เป็นเหตุที่เราพูดถึงอเหตุกะทุกครั้ง เพราะว่ามีอเหตุกะทั้งวันแต่ไม่เคยรู้เลยไปคิดถึงเรื่องอื่นมากกว่า เพราะฉะนั้น ฟังให้ละเอียดขึ้น.

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 31 ก.ค. 2566

- เพราะฉะนั้น ถามเขาว่าที่เกิดเป็นสัตว์เป็นผลของอกุศลกรรมอะไร เพื่อจะได้ดูว่าเขารู้จักอกุศลกรรมอะไรบ้าง? (แกบอกเป็นผลของอกุศลกรรม) ดิฉันถามว่าอกุศลกรรมอะไรบ้าง? (แกบอกว่าทำร้ายใคร ฆ่าใคร ขโมยของ อกุศลแบบนี้ที่ทำให้เกิดเป็นสัตว์) อกุศลกรรมทางกายก็ได้ ทางวาจาก็ได้ ทางใจก็ได้เป็นความละเอียดว่าระดับไหนจะเป็นกรรมที่จะทำให้ผลเขาสามารถที่จะอ่านในพระไตรปิฎกได้ในชีวิตของคนซึ่งจากความเป็นพระราชินีไปเกิดเป็นหนอนเพราะกรรมอะไร.

- ตอนนี้คำถามเรื่องเกิดในอบายภูมิไม่มีปัญหานะ เกิดในนรกก็ได้เปรตก็ได้อสุรกายก็ได้สัตว์เดรัจฉานก็ได้ปฏิสนธิจิตเป็นอะไร? (เป็นอกุศลสันตีรณะ) เป็นผลของอกุศลกรรมทุกชนิดที่ทำให้มีจิตเดียวเท่านั้นที่เป็นผลของกรรมที่จะทำให้เกิดในอบายภูมิจิตเดียวเท่านั้น เลือกไม่ได้เลยเพราะอาจจะเป็นอกุศลกรรมในชาตินี้หรือในชาติก่อนหรือในสังสารวัฏฏ์ก็ได้ที่ถึงเวลาจะให้ผลก็ต้องให้ผล.

- คุณอาช่าขอไปเกิดบนสวรรค์แล้วเกิดบนสวรรค์ได้ไหม? (ไม่ได้) นี่คือความเข้าใจธรรมจริงๆ ไม่มีใคร แล้วก็ธรรมละเอียดไม่มีใครรู้ว่าจากโลกนี้ไปกำลังจะให้ผลทำให้เกิดเป็นอะไร แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมก็ต้องปฏิสนธิด้วยอุเบกขาสันตีรณในภูมิหนึ่งภูมิใดในอบายภูมิ และถ้าเป็นผลของกุศลกรรมทำให้เกิดที่ไหนบ้าง เป็นอะไรบ้าง? (ถ้าเป็นผลของกุศลก็เกิดเป็นมนุษย์ก็ได้เป็นเทวดาก็ได้หรือเกิดในสุคติภูมิอื่น) และการเกิดที่เกิดด้วยอุเบกขาสันตีรณะกับการเกิดด้วยมหาวิบากต่างกันอย่างไร? (คือ ๑.ถ้าเป็นผลของสันตีรณะอุเบกขากุศลวิบากจะเกิดเป็นคนพอการ และถ้าเป็นวิบากที่มีเหตุด้วยจะไม่พิการครับ) .

- อเหตุกจิตทั้งหมดมีเท่าไหร่? (๑๘) อเหตุะกี่ดวงทำกิจปฏิสนธิได้? (๓) ไม่ใช่ค่ะ เพราะเหตุว่าถ้าเป็นกุศลวิบากที่เป็นสันตีรณะประกอบด้วยอุเบกขาเพราะเป็นผลของกุศลกรรมอย่างอ่อน เพราะเหตุว่าอกุศลกรรมทั้งหมดไม่ว่าอะไรทำให้เกิดอุเบกขาสันตีรณะ ๑ เท่านั้น แต่ถ้ากุศลกรรมมีอย่างอ่อนมากและก็มีกำลังมีเหตุประกอบด้วย เพราะฉะนั้นทำให้สันตีรณะเพิ่มขึ้นจากอุเบกขาสันตีรณะที่เป็นอเหตุกะเป็นอุเบกขาสันตีรณะที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนาในขณะที่รู้อารมณ์ที่น่าพอใจขณะนั้นเบิกบานได้มีความยินดีในอารมณ์ที่น่าพอใจ แต่ถ้าจะเกิดเป็นมนุษย์และก็ไม่ใช่อุเบกขาสันตีรณะต้องเป็นผลของกุศลกรรมที่มีกำลังกว่าอุเบกขาสันตีรณะแล้วก็ขณะนั้นอุเบกขาสันตีรณะที่เป็นผลของกุศลกรรมสามารถจะเกิดร่วมด้วยกับสันตีรณะแต่ทำปฏิสนธิกิจไม่ได้ เพราะถ้ามีกำลังกว่านั้นปฏิสนธิจิตต้องเป็นกุศลวิบากที่ไม่ใช่สันตีรณะ.

- (คุณสุคิน: ท่านอาจารย์ครับสรุปแล้วจากเป็นผลของกุศลกรรม ๑ ก็คือ ... ) อย่างอ่อนหรืออย่างมีกำลัง ถ้าเป็นสันตรีณะที่มีโสมนัสเกิดร่วมด้วยเพราะเหตุว่าเป็นผลของกุศลกรรมที่ประกอบด้วยโสมนัสต้องมีกำลังกว่าอุเบกขาสันตีรณะที่รู้อารมณ์แต่ทำกิจปฏิสนธิไม่ได้เพราะถ้าทำกิจปฏิสนธิต้องเป็นผลของกุศลกรรมที่มีกำลังที่ประกอบด้วยเหตุ (เพราะฉะนั้น สันตีรณะ ... ) กุศลวิบากอเหตุกะทำปฏิสนธิไม่ได้เพราะถ้าเป็นผลของกุศลกรรมที่มีกำลังต้องเป็นมหาวิบาก.

- เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมอ่อนๆ เล็กๆ น้อยๆ ทำให้มีผล คืออุเบกขาสันตีรณะแต่ถ้ามีกำลังอารมณ์ดีก็เป็นโสมนัส แต่ว่าการเกิดถ้าเป็นกุศลกรรมที่มีกำลังจะไม่เกิดในอบายภูมิ ต้องเป็นผลของกุศลที่ทำให้เกิดมหาวิบากไม่ใช่อุเบกขาสันตีรณะปฏิสนธิแต่เป็นมหาวิบากปฏิสนธิเพราะเป็นกุศลที่มีกำลัง (คุณสุคิน: สรุปแล้วถ้าเป็นผลของกุศล..) ที่มีกำลังทำให้มหาวิบากปฏิสนธิ ไม่ใช่อุเบกขาสันตีรณกุศลวิบาก (ก็คือ ถ้าเป็นมนุษย์ที่ปกติแล้วจะเป็นสันตีรณกุศลวิบากที่เกิดกับโสมนัสไม่ได้) ต้องเป็นมหาวิบากกุศลที่มีกำลัง (เข้าใจ) .

- ที่เป็นคุณอาช่าชาตินี้ปฏิสนธิจิตคืออะไร? (เป็นจิตที่มีเหตุ) เป็นมหาวิบากไม่ใช่อุเบกขาสันตีรณะ (ครับ) เขาสงสัยอะไรหรือชัดเจนไหม ถ้าเป็นผลของกุศลที่มีกำลังปฏิสนธิต้องประกอบด้วยเหตุเป็นมหาวิบาก.

- เพราะฉะนั้น อเหตุกะ ๑๘ ดวงทำปฏิสนธิได้ ๒ ดวงไม่ใช่ ๓ เข้าใจในเหตุผลไหม? (เข้าใจครับ)

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
เมตตา
วันที่ 31 ก.ค. 2566

- กุศลเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณอาช่ากระทำเวลาให้ผลทำให้เกิด เพราะเป็นกุศลจึงไม่ทำให้เกิดในอบายภูมิแต่เป็นมนุษย์ที่พิการเพราะเป็นผลของกุศลกรรมเล็กๆ น้อยๆ .

- ความต่างกันที่มีเหตุเกิดร่วมด้วยและไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย ถ้าเป็นผลของกุศลกรรมที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาปฏิสนธิจิตเป็นอะไร? (ก็ต้องเป็นกุศลวิบาก) ถูกต้อง เป็นอุเบกขาสันตีรณะได้ไหม? (ไม่ได้ครับ) อุเบกขาสันตีรณะเป็นผลของกุศลกรรมเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีกำลัง แต่ถ้าเป็นกุศลกรรมที่มีกำลังแต่ไม่ประกอบด้วยปัญญาต้องเกิดด้วยมหาวิบากเป็นผลของกุศลกรรมที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ถ้ามีกำลังมากก็เกิดเป็นเศรษฐีร่ำรวยแต่ไม่ได้เข้าใจธรรม.

- เพราะฉะนั้น ปฏิสนธิจิตเป็นคุณอาช่าเป็นจิตอะไร? (รู้ว่าเกิดด้วยเหตุแต่กี่เหตุไม่ทราบ) กี่เหตุหมายความว่าอะไร เหตุมีเท่าไหร่? (คุณสุคิน: ผมถามเขาว่าเกิดกับปัญญาหรือไม่หรือเฉพาะ ... ) เพราะฉะนั้น ก็ต้องรู้ว่าเหตุคือกุศลต้องประกอบด้วยอโลภะ อโทสะ แต่ถ้าไม่เป็นไปในเรื่องของปัญญาก็ไม่มีปัญญาเจตสิกในกุศลนั้นเป็นเหตุให้เกิดในสุคติภูมิแต่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยหรือไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยเป็นผลของกรรมที่ได้ทำ.

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 31 ก.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนากุศลจิตคุณเมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
siraya
วันที่ 1 ส.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ส.ค. 2566

กราบอนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ