มีเพราะความคิด ถ้าไม่คิดก็ไม่มี

 
nattawan
วันที่  6 ส.ค. 2566
หมายเลข  46357
อ่าน  407

🌞เสียงเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ได้ยินก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ติดข้องหรือขุ่นเคืองในเสียง ก็เป็นสภาพธรรมอีกอย่างหนี่ง เป็นคนละขณะๆ สรุป สิ่งที่มีจริงคือสภาพธรรมที่มีลักษณะที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
🌝มีเพราะความคิด ถ้าไม่คิดก็ไม่มีอะไร ความจริงคือความคิดแต่ละขณะ
🌙สิ่งใดที่มีจริงๆ คือธรรมะ ทุกสิ่งที่มีจริงๆ คือธรรมะ เพียงแต่ไม่สนใจที่จะเข้าใจให้มากขึ้น ตั้งแต่เกิดจนตาย รู้จักความจริงอะไรของธรรมะบ้าง!!
🌛สิ่งที่มีจริงเป็นของใคร เป็นของชนชาติหนึ่งชาติใดหรือเปล่า!!
🌜ธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง แต่ไม่รู้เพราะอวิชชาปกปิดไว้
🌎ฝันไม่ใช่เรา แต่เป็นจิตคิดนึกในขณะที่ไม่มีสิ่งใดปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่มาจากความจำ ปรุงแต่งนึกคิดเป็นเรื่องราวที่ฝัน เห็นไม่ใช่ฝันเพราะมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ได้ยินไม่ใช่ฝันเพราะมีเสียงปรากฏ ... คืนนี้จะฝันเรื่องอะไร คือคืนนี้จะคิดนึกเรื่องอะไร
🌐ถ้าไม่มีปัญญา พรุ่งนี้ก็จะมีอกุศลมากกว่าวันนี้

บ้านธัมมะ พ.ค.๒๕๕๒

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 6 ส.ค. 2566

🙋ถ้าไม่มีจิต โลกนี้ไม่ปรากฏ โลกจริงๆ คือ แต่ละคน จิต เจตสิก รูป ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ ทุกคนเป็นโลกแต่ละโลก
🙌โลก ๖ ทาง คือ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
🙍แต่ละจิต แต่ละคน เป็นแต่ละโลก ทุกคนยังมีกิเลสอยู่หรือเปล่า กิเลสมืด ไม่รู้ความจริงขณะนั้นได้ เพราะอกุศลทั้งหมดมืด โลกมืดเพราะกิเลส
🙅อกุศลเป็นโทษที่ควรละอย่างยิ่ง
🙆 ยังมีกิเลสมาก แต่ค่อยๆ ละได้ด้วยการฟังธรรม ค่อยๆ ละความเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน

บ้านธัมมะ ๑๐ มิ.ย. ๕๒

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 6 ส.ค. 2566

🍭"สิ่งใดที่มี นั่นแหละเป็นอนัตตา" เพราะไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นธรรมะ เป็นอนัตตา (สิ่งที่มี คือ โลกียะ ๓ ได้แก่ จิต เจตสิก รูป และโลกุตตระ ๑ คือ นิพพาน)
🍬"แสนโง่" แม้สภาพธรรมะปรากฏก็ไม่รู้ (อวิชชา) และไม่อยากจะรู้ด้วย (ประมาท) เพราะไม่มีศรัทธา ก็อยู่ในความมืด จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจธรรมะขึ้น
🎉ธรรมะแต่ละอย่างปรากฏเพียงชั่วคราว สั้นแสนสั้น แล้วความไม่รู้ก็ทำให้ไม่เห็นจริงว่าสิ่งนั้นเกิดแล้วดับ แต่การเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งปรากฏเป็นนิมิต รูปร่างสัณฐานให้จำไว้ว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ซึ่งความจริง สิ่งนั้นเกิดแล้วดับ แต่ว่าเกิดดับสืบต่อซ้ำในลักษณะที่ปรากฏเหมือนเป็นสิ่งที่เที่ยง ไม่ดับเลย นี่คือความไม่รู้ นี่คือความมืดสนิท จนกว่าจะมีการฟังพระธรรม เริ่มเข้าใจจากการฟัง จนกว่าจะประจักษ์ความจริงของธรรมะ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับ
🎍ฉลาดไหมที่ยึดถือสภาพที่ไม่ใช่ของเรา ว่าของเรา สภาพที่ไม่ใช่เรา ว่าเป็นเรา!!!!!

บ้านธัมมะ ๑๗ มิ.ย. ๕๒

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 6 ส.ค. 2566

🍨ชื่อปิดบังสิ่งทั้งปวง รู้มากๆ ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่เข้าใจสภาพธรรมตามที่เป็นจริง
🍧ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริง ธรรมที่เป็นกุศลธรรม ธรรมที่เป็นอกุศลธรรม และธรรมที่ไม่เป็นกุศลและอกุศล คือ อัพยากตธรรม เช่น เสียง ขณะที่เป็นผลของกุศลและอกุศล (วิบาก)
🍦กรรม คือ สภาพธรรมอย่างหนึ่ง คือ เจตนา เป็นความจงใจ ขวนขวายกระทำ เจตนาที่เกิดกับกุศลจิต เป็นกุศลเจตนา เป็นเหตุดี เป็นปัจจัยให้เกิดผลดี เจตนาที่เกิดกับอกุศลจิต เป็นอกุศลเจตนา เป็นเหตุไม่ดี เป็นปัจจัยให้เกิดผลที่ไม่ดี และจิตที่เป็นวิบาก (ผลของกรรม) เช่น ขณะเห็นก็มีเจตนาเกิดด้วย ไม่ใช่กุศลและอกุศล เป็นอัพยากตกรรม
🍰ไม่มีชื่อก็เป็นธรรมะ อย่าเอาชื่อมาปิดบังลักษณะของสภาพธรรมะ

บ้านธัมมะ ๒๔ มิ.ย. ๕๒

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 6 ส.ค. 2566

สิ่งที่ควรรู้และควรคิดตามที่เป็นจริง คือ สิ่งที่ปรากฏ

ไม่คำนึงถึงสิ่งที่ล่วงแล้ว และไม่คำนึงถึงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นด้วย จึงจะละคลายสภาพธรรมะที่เป็นเราได้

บ้านธัมมะ ๘ ก.ค. ๕๒

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 6 ส.ค. 2566

สภาพธรรมะไม่ไกลเลย แต่ปัญญาที่จะรู้สภาพธรรมะนั้นแสนไกล

ความจริงโดยสมมติ ย่อมผันแปร แต่อริยสัจจะ สภาพธรรมที่มีจริง ไม่แปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เช่น ลักษณะของโทสะไม่เปลี่ยนแปลงไปเป็นโลภะ

บ้านธัมมะ ๑๕ ก.ค. ๕๒

ยินดีในกุศลจิตทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ส.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Wiyada
วันที่ 7 ส.ค. 2567

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
nattawan
วันที่ 8 ส.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Jarunee.A
วันที่ 11 ส.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ