กัลยาณมิตร

 
nattawan
วันที่  16 ส.ค. 2566
หมายเลข  46389
อ่าน  445

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

ชีวิตชาวพุทธถ้าขาดกัลยาณมิตรจะไม่มีโอกาสเจริญขึ้นในธรรมเลย เกื้อกูลกันด้วยคำเตือนที่สมควรบ้าง และเป็นผู้ที่รับคำเตือนด้วยดี คืออย่างไร เพราะแม้ในสมัยพุทธกาล พระภิกษุทั้งหลายก็อยู่ร่วมกันเป็นกัลยาณมิตรต่อกัน มีการชี้โทษน้อยใหญ่ เกื้อกูลและรับการเตือน จะเป็นกัลยาณมิตรที่เตือนผู้อยู่ร่วมกันด้วยดีอย่างไรและเป็นผู้รับคำเตือนด้วยดีจากกัลยาณมิตรคืออย่างไร!!!

มิตรต้องมีแน่ เพราะว่าไม่ได้อยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นกัลยาณมิตรไม่ต้องไปมุ่งหวังคนอื่นเลย ตนเองเป็นมิตรที่ดีกับทุกคนหรือยัง!! หวังดีจริงๆ ไม่หวังผลตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะแม้แต่ที่เข้าใจว่าใจของเรานั้นเป็นอย่างไร!! ไม่มองคนอื่นในแง่ร้าย กัลยาณมิตรคือมิตรที่ดีงาม เป็นมิตรแท้ หวังดี ทำประโยชน์เกื้อกูล ไม่ทำร้ายทำชั่วใดเลย

ไปคิดถึงคนอื่นตลอดเวลา ... เขาไม่ดี เขาเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ในขณะที่คิดนี่ ... เมื่อรู้ว่าเขาไม่ดี แล้วเป็นมิตรกับเขาอย่างไร!!! เห็นไหม ... ไม่ใช่ต้องการที่จะไปว่า หรือไม่ชอบ หรือชวนกันเห็นโทษของคนนั้น แต่ตนเองเป็นมิตรที่ดีกับทุกคนหรือยัง

ความเป็นมิตรที่ดีขณะนั้นต้องเป็นกุศลที่หวังดีจริงๆ ไม่ได้ต้องการอะไรตอบแทนจากใครเลยทั้งสิ้น ถ้าหวังได้รับสิ่งตอบแทน นั้นเป็นการหวังดีหรือเปล่า

ต้องเป็นผู้ละเอียดอย่างยิ่ง ความเป็นมิตรที่ดีไม่ใช่คนอื่น ... เราเองเป็นมิตรที่ดีหรือยัง!!!!!

ทำให้เริ่มคิดพิจารณาและมีความเข้าใจถูกต้องว่า ธรรมะไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่เขา ธรรมะแต่ละอย่างเปลี่ยนไม่ได้ เป็นลักษณะของธรรมะนั้นๆ และลึกซึ้ง เป็นเราทั้งนั้น เป็นเขาทั้งนั้น เป็นสิ่งนั้นทั้งนั้น เป็นสิ่งนี้ทั้งนี้ เราไม่สามารถที่จะเข้าใจใจได้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์ ไตร่ตรอง หนทางเดียว เมื่อมีความเข้าใจความจริงเพื่อเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของกัลยาณมิตรสูงสุดที่จะรู้คุณ ถ้าไม่มีคำของพระองค์ที่ละเอียด ลึกซึ้ง ถี่ถ้วน ใครจะสามารถรู้ความจริงได้ว่าขณะนี้คืออะไร ... อยู่ที่ไหน

ศึกษาพระธรรมและเห็นคุณอย่างยิ่งของการมีโอกาสได้ยิน ได้ฟัง ไตร่ตรองจนกระทั่งเห็นความเป็นมิตรที่ประเสริฐสุดของพระพุทธเจ้าเป็นแบบอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้ ทรงพระมหากรุณาให้คนได้เข้าใจความจริง ซึ่งถูกปกปิดมาแสนนาน ถ้าไม่ได้ยินได้ฟังคำของพระองค์ ก็เป็นผู้ประมาท ไม่เห็นความลึกซึ้ง ไม่เห็นคุณ ไม่รู้จักพระองค์ เพราะรู้จักเพียงเท่าที่ได้ฟัง แล้วความเข้าใจนั้นแค่ไหน!!!!!

เป็นเรื่องละเอียดทุกคำ ไม่ใช่ไปเพ่งเล็งคนอื่น แต่ให้พิจารณาตนเองในความเป็นมิตรต่อคนอื่น ไม่ใช่หวังว่าคนอื่นจะเป็นมิตรต่อเรา เขาจะดีต่อเรา เพราะว่าไม่มีใครสามารถที่จะไปทำอะไรธรรมะได้เลย ... นอกจากปัญญาที่ค่อยๆ เห็นถูกต้องตามความเป็นจริง จึงสามารถจะรู้จริงๆ ว่าอะไรเป็นโทษ อะไรเป็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น กัลยาณมิตรอยู่ไหน!! เราเป็นกัลยาณมิตรแล้วหรือยัง!!!!!

เห็นแบบอย่างความเป็นมิตรของพระพุทธเจ้า ได้ฟังและความเข้าใจนั้นแค่ไหนในความเป็นมิตรกับคนอื่นไม่มีใครทำอะไรได้ นอกจากปัญญาที่สามารถเห็นโทษของอกุศล เช่น ไม่เมตตา ลวงเหมือนเป็นมิตรคือความติดข้อง คุ้นเคย ลำเอียงด้วยความชอบ

ต้องตรงต่อความเป็นจริง ไม่มีใครเลยแต่เป็นธรรมะ กลัวเขาไม่ชอบ ... ไตร่ตรองว่าขณะนั้นเป็นมิตรไหม!!! มีความรักตัว ... นั่นหรือมิตร!!! ต้องลึกซึ้งในแต่ละคำ จะได้รู้จักตัวเอง ... ไม่สามารถรู้จักคนอื่น (กลัวการกล่าวสิ่งที่ถูกต้องเพราะว่ากลัวจะผิดใจกัน

ฟังธรรม ไม่มีเรา เป็นผู้ว่าง่ายและอบรมในทางที่ดี ... ค่อยๆ เข้าใจธรรมะขึ้น

กัลยาณมิตรสูงสุด คือ ต้องมีความเข้าใจจึงจะรู้ได้ ไม่ใช่คิดเอง ต้องฟังคำของพระพุทธเจ้า ถ้าไม่ฟัง ไม่สามารถรู้ได้ เป็นผู้เนรคุณ เพราะไม่มีคุณ จึงไม่รู้จักคุณของพระองค์ ... เมื่อมีคุณ ... จึงรู้จักคุณของพระพุทธเจ้า

เชิญคลิกชมสนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

https://www.Youtube.com/live/5ZOjalAFSJU?feature=share


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 16 ส.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอ.อรรณพ หอมจันทร์ สำหรับคำถามเรื่อง " กัลยาณมิตร " ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ