คนพาล … เนรคุณ

 
nattawan
วันที่  17 ส.ค. 2566
หมายเลข  46391
อ่าน  439

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

อัจฉริยสูตร

พระพุทธเจ้าตรัสว่า คนพาลมี 2 จำพวก คือ

1. ผู้ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ

2. ผู้ไม่รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ

บัณฑิตมี 2 จำพวก คือ

1. ผู้เห็นโทษโดยความเป็นโทษ

2. ผู้รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ

การที่จะรู้จักตน ... โดยมากจะเพ่งเล็งหรือมองบุคคลอื่น การจะเห็นโทษตัวเองเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก

คนพาล คือผู้ไม่เห็นโทษโดยความเป็นโทษ กับการที่จะเป็นบัณฑิตผู้เห็นโทษโดยความเป็นโทษจะเห็นอย่างไร!!

ใครเป็นผู้ชี้โทษ!! พระพุทธเจ้า!! ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงลักษณะของคนพาลก็คิดว่าตัวเองถูก ... ใช่ไหม!!

ส่วนใหญ่ตัวเองถูกทั้งนั้น ... พาลไหม!! ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงความจริง ทรงตรัสคำแม้เพียงมคธพาลคืออย่างไร!! พระองค์ทรงตรัสทุกคำสำหรับคนละหนึ่งคนให้เกิดปัญญาของตัวเอง

ถ้ากล่าวถึงธรรมะที่เป็นโทษก็คืออกุศลธรรมซึ่งมีระดับต่างๆ กัน ถ้ามากจนกระทำทุจริตกรรม ก็กล่าวว่าเป็นคนพาล

การที่จะเห็นจริงๆ ตามความเป็นจริงของอกุศลที่จะเข้าใจความเป็นธรรมะและเข้าใจความเป็นอกุศลที่จะไม่มากจนเป็นพาลอย่างไร!!! มีอกุศลมากไหม ... ถ้าไม่เห็นโทษ ... อกุศลก็เพิ่มขึ้นอีกใช่ไหม!!! ใช่!! ไม่เห็นโทษเพราะความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ความไม่รู้ทุกวันโทษจะแค่ไหน!!! ... ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นๆ เรื่อยๆ

พระพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงให้เข้าใจความเป็นธรรมะว่าอกุศลเป็นอย่างไร และรู้ว่าเป็นโทษอย่างไร เพราะฉะนั้น พระองค์ตรัสว่า คนพาลมี 2 จำพวก (ดังกล่าวไว้แล้วข้างต้น) มีอกุศลตั้งแต่บางเบาจนออกมาทางกาย วาจา ก็มีบางครั้งบางคราว

ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ตรัสก็ไม่รู้ ก็ยังกระทำสิ่งที่เป็นโทษต่อไป ชัดเจน ... เป็นคนพาลก็ไม่ยอมรับ แต่ถ้าเป็นปัญญารู้ถูกตามความเป็นจริง ก็เห็นตามที่พระองค์ทรงแสดง

ความเป็นคนพาลเป็นภัยไหม!! เป็น พระองค์ตรัสให้เข้าใจความจริงใช่ไหม!! ... จะเป็นพาลต่อไปก็ทำอะไรไม่ได้ ... ว่าง่ายหรือเปล่า!! ถ้าเป็นผู้รู้ตามความเป็นจริงก็เริ่มเห็นโทษมากขึ้น คือ ค่อยๆ เป็นบัณฑิตมากขึ้น

เห็นโทษโดยความเป็นโทษไหม ... ถ้าไม่เห็นก็เป็นพาล

อะไรทำให้ไม่เห็นความเป็นพาลของตนเอง และไม่เห็นโทษ และหาเรื่องมาอ้าง มากลบโทษตนเอง อะไรทำให้เป็นอย่างนั้น!!

นับถือใคร!! ... ตัวเอง ... ไม่ใช่พระพุทธเจ้าหรือ!!! ... ถวายความเคารพโดยการฟังคำของพระองค์ และน้อมประพฤติปฏิบัติตาม ... นี่แหละจึงจะชื่อว่ารู้คุณ

ค่อยๆ นับถือพระพุทธเจ้าเมื่อศึกษาเข้าใจ และค่อยๆ เห็นความจริง

เนรคุณ คือ ไม่มีคุณ ... เพราะไม่รู้คุณ ... แล้วจะมีคุณได้อย่างไร!!

เนรคุณต่อพระพุทธเจ้า ... ดูน่ากลัวมากเลย!!!

พระพุทธเจ้าตรัสถึงคนพาลผู้ไม่รับตามสมควรแก่ธรรมเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ อะไรเป็นเหตุที่เกิดทำให้ผู้นั้นไม่รับเมื่อผู้อื่นแสดงโทษ!!

เคารพพระพุทธเจ้า ทุกคำของพระองค์ลึกซึ้งและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ตรัสให้ฟังเพื่อรู้จักตัวเอง ไม่ใช่ให้ไปคิดถึงคนอื่น ทุกคำของพระองค์เป็นประโยชน์ต่อผู้ได้ฟัง และไตร่ตรอง (ไม่ปล่อยไปเลยว่าได้ยินแล้ว พอแล้ว) โทษอยู่ไหน ... โทษอยู่ที่นี่หรือที่คนอื่น ทรงเตือนให้รู้ความจริง เพราะยากที่จะรู้จักตนเองได้ เพื่อไม่เป็นคนพาล ถ้าไม่รู้ตรงนี้ ... ที่ตัวเอง ... ใกล้ที่สุด จะไปรู้คนอื่น ... รู้ไกลได้อย่างไร!!!

การรู้จักตัวเองต้องมีกัลยาณมิตรสูงสุด คือ พระพุทธเจ้า และมิตรผู้ที่เห็นประโยชน์ของการกล่าวเตือนให้เห็นโทษ ยากที่สุด คือ เห็นโทษหรือเปล่า ... แค่นั้นเอง!!

เริ่มรู้จักพระพุทธเจ้าหรือเปล่า!! เคารพหรือเปล่า!! ต้องเตือนตัวเองเสมอ!! ฟังธรรมเพื่ออะไร!!!!!

เชิญคลิกชมสนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

https://www.Youtube.com/live/5ZOjalAFSJU?feature=share


กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ขอบพระคุณและอนุโมทนาอ.วิชัย เฟื่องฟูนวกิจ สำหรับคำถามเรื่อง "คนพาล" ค่ะ

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ