ผู้ว่ายาก … ผู้ว่าง่าย

 
nattawan
วันที่  18 ส.ค. 2566
หมายเลข  46395
อ่าน  365

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

พระอรหันต์ทั้งหลายหมดจดจากกิเลสแม้เพียงเล็กน้อย การสะสมที่มีมาในสังสารวัฏฏ์ทำให้ความประพฤติเป็นไปในแต่ละขณะต่างกัน เพราะฉะนั้น กายวาจาที่ประพฤติจนชิน แม้ว่าไม่มีกิเลสแล้วแต่ก็มีปัจจัยที่จะให้ประพฤติเป็นไปอย่างนั้น เช่นบางท่านกล่าวว่า "คนถ่อย" ไม่มีกิเลสเลยแต่ติดมาแล้วกี่ชาติ แม้หมดจดจากกิเลส ก็เป็นไปตามการสะสมมานานเป็นอย่างนี้ สะสมมาเป็นท่านพระสารีบุตรอย่างนี้ เป็นท่านพระมหาโมคคัลลานะอย่างนี้ เป็นท่านพระมหากัสสปะอย่างนี้

ถ้ายังเป็นพาลไม่ฟังคำของพระพุทธเจ้า หรือแม้ฟังแต่ก็ดื้อด้านไม่น้อมประพฤติปฏิบัติตาม ก็ยังห่างไกลที่จะขัดเกลากิเลสอกุศลทั้งหลายให้น้อยลงไปจนกว่าจะหมด

พระธรรมเตือนใจเราทุกคนที่ยังมีแต่ความกระด้างจริงๆ ทำอะไรก็หาข้อแก้ตัวซึ่งน่ารังเกียจ พระธรรมเตือนให้เราดี

วัสสะการพราหมณ์เป็นมหาอำมาตย์แห่งแคว้นมคธ เห็นท่านพระมหากัจจายนะเดินลงจากเขาแล้วว่ามีกิริยาเหมือนลิง เพราะไม่รู้คุณ ไม่ว่าการกระทำใดๆ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วไม่มีกิเลสเลย เพราะฉะนั้น การกระทำนั้นเป็นไปตามการสะสมก็ย่อมจะเห็นว่าไม่ใช่สิ่งที่เป็นโทษ แต่คนที่เห็นว่าเป็นโทษ เพราะไม่เห็นคุณจึงสามารถคิดได้ถึงปานนั้น แต่คนที่รู้คุณจริงๆ ของพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดง รู้คุณของผู้ที่ได้สะสมเหตุปัจจัยที่จะถึงความเป็นพระอรหันต์เมื่อรู้คุณอย่างนี้การกระทำใดๆ ของท่านไม่มีอกุศลเลยสักนิดเดียว จะกล่าวโทษท่านได้อย่างไร แต่คนที่ไม่รู้กล่าวโทษแล้ว เพราะฉะนั้น ใครเป็นโทษ ... เป็นโทษกับใคร!! ... กับคนที่ไม่รู้คุณ!!!

ต้องมั่นคงจริงๆ ว่าฟังธรรมเพื่ออะไรต้องตรง ถ้าไม่ตรงก็จับงูพิษข้างหางเป็นโทษ

ต้องไม่ประมาท ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจในความเป็นธรรมะและน้อมประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสทั้งหลาย เพื่อรู้ความจริงแล้วความจริงอยู่ไหน ... อยู่ขณะนี้ ... เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง!!

ชัดเจนมากในคำว่า " นิรคุณหรือเนรคุณ" คือไม่รู้คุณ เป็นผู้ไม่มีคุณ คือปราศจากคุณ คำนี้เป็นเครื่องเตือนด้วยดี

ความเป็นผู้ว่าง่ายก็เป็นเครื่องเตือนที่ดี แต่ละคำที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงล้วนให้ประโยชน์แก่ผู้ฟัง ไม่มีคำใดที่จะให้โทษเลย มีแต่จะให้ประโยชน์เท่านั้น

ความเป็นผู้ว่าง่าย คือ เมื่อรู้ว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่ดีก็น้อมประพฤติในคุณความดีนั้นด้วย เป็นข้อความที่ไพเราะและเตือนดีและเป็นประโยชน์สำหรับทุกท่านจริงๆ

อรรถกถาขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เมตตาสูตร ได้กล่าวถึงความต่างกันระหว่างบุคคลผู้ว่ายากและบุคคลผู้ว่าง่าย คือ

1. ก็บุคคลใดถูกท่านว่ากล่าวว่า ท่านไม่ควรทำอย่างนี้ ก็พูดว่า ท่านเห็นอะไร ได้ยินอย่างไร ท่านเป็นอะไรกับเราจึงพูด เป็นอุปัชฌาย์ เป็นอาจารย์ เป็นเพื่อนเห็น เป็นเพื่อนคบ หรือเบียดเบียนผู้นั้นด้วยความนิ่งเสีย หรือยอมรับแล้วไม่ทำอย่างนั้น ผู้นั้นชื่อว่ายังอยู่ไกลจากการบรรลุคุณวิเศษ นี้คือบุคคลผู้ว่ายาก

2. ส่วนผู้ใดถูกท่านโอวาทก็กล่าวว่าดีละท่านขอรับ ท่านพูดดี ขึ้นชื่อว่าโทษของตนเป็นของเห็นได้โดยยาก ท่านเห็นกระผมเป็นอย่างนี้ โปรดอาศัยความเอ็นดูว่ากล่าวอีกเถิด กระผมไม่ได้รับโอวาทจากสำนักของท่านเสียนานแล้ว แล้วน้อมประพฤติตามที่ท่านสอน ผู้นั้นชื่อว่าอยู่ไม่ไกลการบรรลุคุณวิเศษ เพราะฉะนั้น บุคคลผู้รับคำของผู้อื่นแล้วกระทำอย่างนี้ พึงชื่อว่าเป็นผู้ว่าง่าย

ไม่ควรเป็นผู้ว่ายาก ... ควรเป็นผู้ว่าง่าย ความเป็นผู้ตรงต่อสภาพธรรมะทั้งสองอย่างนี้คืออย่างไร!!

กำลังพูดเป็นธรรมะหรือเปล่า!! ว่าง่ายไหม!! ไกลไหมต่อการที่จะรู้ความจริง!! แม้แต่การฟังธรรมะ ว่าง่ายหรือเปล่าในสิ่งที่เป็นความจริงซึ่งเป็นเหตุเป็นผลและตรง ไม่มีเรา เพราะเราทั้งนั้นที่ถูกและดี คนอื่นผิดและไม่ดี เป็นอย่างนี้หรือเปล่า!! ไกลต่อการรู้ความจริงและการประจักษ์แจ้งความจริง เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่มีเรา ทุกอย่างเป็นธรรมะ ... ว่าง่ายแค่ไหน!!!

ต้องลึกลงไปถึงความเป็นธรรมะที่ไม่ใช่เราจริงๆ

ทุกคำของพระพุทธเจ้าลึกซึ้ง ไม่รีบร้อนจะไปปฏิบัติ จะไปเห็น จะไปรู้แจ้ง ... แต่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทุกคำของพระองค์ส่องไปถึงความจริงซึ่งหนาแน่นไปด้วยอกุศล ความไม่รู้ ... นำมาซึ่งการเห็นโทษของคนอื่นแต่ไม่เห็นโทษของตนเอง ตัวเองเท่านั้นถูกคนอื่นผิด

พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมถึง 45 พรรษา ละเอียดแม้แต่ในการฟังแล้วอย่างไรจึงจะเข้าใจได้ แม้แต่ความเป็นผู้ว่าง่าย ... ระดับไหน!! และอะไรที่ทำให้ว่ายาก ถ้าตราบใดที่ยังมีสิ่งนั้นอยู่จะว่าง่ายได้อย่างไร!! ต้องถึงต้นตอจริงๆ ทั้งหมดของทุกคำที่ลึกซึ้ง

ค่อยๆ น้อมไปในทุกคำของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่เราน้อมแต่ทุกคำที่เข้าใจค่อยๆ นำไปใกล้ชิดต่อสภาพธรรมะที่เดี๋ยวนี้อยู่ไหนและเป็นอะไร!!!

ทุกคำเตือนให้เข้าใจในความเป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา ลืมไม่ได้เลยว่า ทุกครั้งที่ได้ยินได้ฟัง เพื่อความเข้าใจในความเป็นจริงของธรรมะ

กุศลเพิ่มขึ้นเมื่อความเข้าใจธรรมะเพิ่มขึ้น ถ้ายังเป็นอกุศลมากๆ ก็รู้ว่าความเข้าใจธรรมะยังน้อย (ฟังแล้วซาบซึ้ง ... เก็บไว้ในหทัย)

ความเข้าใจธรรมะยังน้อยมาก เมื่อได้ฟังก็ยังเป็นเรา เป็นเขา ต้องอาศัยพระธรรมแต่ละคำที่จะคอยเกื้อกูลให้ได้เข้าใจจริงๆ

อีกไกลไหม!!! ไกลมาก!!! จะหวังได้ไหมเมื่อไกลและลึกซึ้งถึงอย่างนี้!!! หวังไม่ได้แต่เป็นประโยชน์ที่จะฟังและศึกษาพระธรรมด้วยความอดทนต่อไป

ความเข้าใจถูกทำให้ละความหวัง

ถ้าไม่ใช่ความเข้าใจความจริงละไม่ได้เลย!!! ทุกคำเป็นอริยสัจจธรรมแน่นอน ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีจริง ... ยังไม่รู้ความจริง ยังไม่เข้าใจว่าเป็นจริงๆ แล้วจะไปหวังรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้หรือ!!! เพราะฉะนั้น ต้องมีความเข้าใจมั่นคงขึ้นกว่าจะค่อยๆ ละคลาย ค่อยๆ ลดความไม่เข้าใจสิ่งที่ปรากฏและติดข้องมหาศาล ทำให้เกิดโทษซึ่งเป็นอกุศลประการต่างๆ โดยไม่รู้ ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงโดยละเอียดอย่างยิ่ง ... รู้คุณหรือยัง!!!!!

เชิญคลิกชมสนทนาปัญหาธรรม 15 ส.ค. 66

https://www.Youtube.com/live/5ZOjalAFSJU?feature=share

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาอ.คำปั่น อักษรวิลัย สำหรับคำถามเรื่อง "ผู้ว่ายาก ... ผู้ว่าง่าย" ค่ะ

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ