เห็นครั้งหนึ่ง ความไม่รู้และอกุศล ๗ เท่าของหนึ่งขณะจิตที่เห็น

 
nattawan
วันที่  21 ส.ค. 2566
หมายเลข  46412
อ่าน  420

เห็นครั้งหนึ่ง ความไม่รู้และอกุศล ๗ เท่าของหนึ่งขณะจิตที่เห็น แล้ววันนี้เห็นกี่ครั้ง นับเป็นแสน เป็นล้าน เป็นโกฏิได้ไหม เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้👵🙉📚 แล้วก็พอใจบ้าง😊ไม่พอใจบ้าง😠มาโดยตลอดแล้วยังไม่ฟังพระธรรมอีก แล้วฟังแล้วยังไม่เข้าใจอีก เข้าใจแล้วก็ยังมีตัวตนที่จะทำอีก👫👭👬เพราะฉะนั้น ให้ทราบว่าเป็นภาระ เป็นเรื่องของปัญญาที่จะต้องเป็นความเข้าใจจริงๆ จึงสามารถที่จะเป็นปัญญาที่เห็นถูกในสิ่งที่กำลังปรากฏได้🌻ไม่ใช่ชื่อว่าปัญญาแต่ไม่ใช่ปัญญา เพราะไม่สามารถที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ แม้เพียงเริ่มว่าเป็นสิ่งที่มีจริง

บ้านธัมมะ ๒๔ ส.ค. ๕๔
www.dhammahome.com


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

💡เมื่อเข้าใจธรรมะ ความดีต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน เพราะไม่มีเราที่จะเห็นแก่ตัวอย่างเดิม มากๆ ธรรมปรุงแต่งให้ความดีมากขึ้นตามกำลังของความเข้าใจ
💜แม้แต่กุศลจิตเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวันยังไม่เจริญขึ้น แล้วจะดำเนินไปถึงการดับกิเลสได้อย่างไร
👜รู้ว่าสิ่งนั้นมีประโยชน์แก่คนอื่นและมีประโยชน์สำหรับเราเหมือนกัน แต่มีประโยชน์ต่อคนอื่นมากกว่า ⌚และบางทีเรามีของเยอะแยะ คนอื่นมีน้อย หรือว่ามีน้อยด้วยกัน แต่เราไม่ค่อยได้ใช้ คนอื่นอาจได้ใช้มากกว่า👒ทางที่จะคิดถึงประโยชน์ของคนอื่นมีมาก ถ้าเราไม่คิดถึงตัวเอง👗ไม่สะสมทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อตัวเอง แต่สิ่งใดที่จะเป็นประโยชน์แก่คนอื่น👠แม้พื้นฐานเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีความมั่นคงขึ้น จนกล้าที่จะสละการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา👩

บ้านธัมมะ ๑๐ ส.ค. ๕๔
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

ขณะนี้มีใครรู้บ้างว่าเห็นอะไร!! ลืม!!เห็นเป็นคน เป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ แต่ความจริง เห็นสิ่งที่สามารถปรากฏให้เห็นได้ เท่านั้นเอง🌷แข็ง ใครเห็นแข็งบ้าง!! ถ้าเห็นแสดงว่าผิด เพราะไม่สามารภเห็นแข็งได้ แต่กระทบกาย แม้ว่าจะมืดสนิท ลักษณะของแข็งก็ปรากฏได้🌸เพราะฉะนั้น ธรรมที่เป็นแข็งไม่ใช่ธรรมที่เป็นสิ่งที่ปรากฏให้เห็นได้🌹นี่คือเริ่มเห็นความละเอียดของชีวิตประจำวันตามความเป็นจริง ที่จะเริ่มเข้าใจว่า เกิดมาก็คือเป็นธรรมที่เกิด ถ้าไม่มีธรรมเกิด จะมีการเข้าใจว่าเป็นเรา เป็นเขาเป็นโลกนี้ได้อย่างไร🌻แต่เมื่อมีธรรมที่เกิดดับ ก็ต้องจากโลกนี้ไปโดยไม่มีใครสามารถบังคับบัญชาได้ แม้พระพุทธเจ้าก็ทรงดับขันธปรินิพพานจากโลกนี้ไป ไม่มีใครอยู่ในโลกนี้ตลอดไป🌺แต่จะอยู่อย่างไร อยู่อย่างสนุกสนาน เพลิดเพลิน เกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์ต่างๆ เป็นสุขเป็นทุกข์ไปแต่ละวัน แล้วก็จากโลกนี้ไปโดยไม่รู้ความจริง และไม่เข้าใจด้วยว่าสิ่งที่เคยเป็นของเราในระหว่างที่ยังไม่จากโลกนี้ไป เป็นของเราจริงๆ หรือเปล่า!!! หรือว่าไม่ได้เป็นของเราตอนที่จากโลกนี้ไป🌼ทำให้เข้าใจความจริงของชีวิต และรู้คุณค่าของการได้เกิดเป็นมนุษย์🐷ต่างกับสัตว์เดรัจฉาน ไม่สามารถจะฟังและก็เข้าใจสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง 👱แต่ว่าผู้ที่เป็นมนุษย์สามารถที่จะมีโอกาสได้ฟังสิ่งซึ่งทำให้สามารถเข้าใจความจริงของชีวิต คือ การเกิดแล้วก็จากโลกนี้ไป แล้วก็หนีไม่พ้น🍃เพราะฉะนั้น ระหว่างที่ยังไม่จากไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ ประโยชน์สูงสุดก็คือ ได้เข้าใจความจริง🙏

บ้านธัมมะ ๓ ส.ค. ๕๔
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

ธรรมปรากฏแต่ละอย่าง เฉพาะแต่ละอย่าง 🍒ไม่มีอะไร นอกจากแข็ง เมื่อแข็งปรากฏ🍒เพราะว่าจิตเกิดขึ้นทีละหนึ่งขณะ รู้อารมณ์ทีละอย่าง ขณะที่กายวิญญาณเกิดขึ้น ต้องมีแข็งเป็นอารมณ์ แต่แข็งนี้ก็สามารถเป็นอารมณ์ของสติสัมปชัญญะได้ 🍋เพราะฉะนั้น เมื่อแข็งปรากฏ ก็มีแต่แข็งเท่านั้นที่เป็นธรรมะ 🍄แข็งปรากฏกับปัญญา มืดหรือสว่าง🍄จะเห็นได้ว่าแข็งไม่ได้ปรากฏทางตา แข็งปรากฏทางกาย เพราะฉะนั้น ที่มืดไม่ใช่ที่สว่างอย่างที่ปรากฏทางตา🍌ก็มีแต่งแข็งเท่านั้นที่ปรากฏ แต่ดูเหมือนว่าขณะนี้รู้แข็งด้วย และมีสิ่งที่ปรากฏทางตาด้วย โลกไม่ได้แยกขาดจากกัน 🍎เพราะฉะนั้น รูปปรากฏได้เฉพาะทางปัญจทวาร แต่มโนทวารสามารถรู้ทั้งนามธรรมและรูปธรรมได้🍊นี่คือปัญญาที่สามารถจะรู้ความเป็นนามธรรมหรือรูปธรรมทางมโนทวาร

บ้านธัมมะ ๘ มิ.ย. ๕๔
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

กรรมชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า เพราะกรรมชั่วย่อมเผาผลาญในภายหลัง
ส่วนบุคคลทำกรรมใดแล้ว ไม่ตามเดือดร้อน กรรมนั้นเป็นกรรมดี อันบุคคลทำแล้วดีกว่า
(พระพุทธพจน์)
พระสุตตันตปิฏก ขุททกนิกาย
คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ น.๑๙๓
www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

🍃ต้องอาศัยการฟังมากๆ ศึกษาสิ่งที่มีจริง ขณะนี้อะไรเป็นสิ่งที่มีจริง เราคงไม่พูดถึงเรื่องราวที่ไม่มีจริง หลับสนิทก็มีจริง เห็นก็มีจริง ได้ยินก็มีจริง แล้วนี่หรือเป็นเรา เพราะเราไม่รู้ว่าเป็นธรรมทั้งหมดนั่นเอง🌿ยังขาดไม่ได้คือการฟังพระธรรม และไตร่ตรองพิจารณาทีละเล็กทีละน้อย ถึงแม้ธรรมเป็นสิ่งที่ยาก รู้ได้ยาก เพราะเราไม่คุ้นเคยกับธรรม และคุ้นเคยกับความเป็นสัตว์ บุคคล ตัวตน🌾เห็นทันทีก็รู้เลยว่านีคืออะไร อยู่ที่ไหน แต่ทั้งๆ ที่ต้องมีสิ่งที่ปรากฏทางตาให้รู้ก่อน แต่ความที่เราไม่รู้ลักษณะธรรมที่ปรากฏแต่ละทาง จึงยึดถือสิ่งเหล่านี้ว่าเป็นเรา 🌱เพราะฉะนั้น การฟังเป็นหนทางเดียว ฟังเพื่อเข้าใจในสิ่งที่กำลังฟัง และรู้ถึงความเป็นธรรม เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ดูเหมือนยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีจริง และทนต่อการพิสูจน์ 🍀ปัญญาสำเร็จจากการฟัง🍁

บ้านธัมมะ ๑ มิ.ย. ๕๔
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

ชื่อว่าแสงสว่างเสมอด้วยปัญญาย่อมไม่มี ถึงแม้จะเป็นดวงอาทิตย์เป็นต้น ก็ย่อม
ส่องแสงเพียงอย่างเดียวเท่านั้น คือ ย่อมกำจัดความมืดอันเป็นปัจจุบันเท่านั้น.

ส่วนปัญญาย่อมสามารถเพื่อทำโลกธาตุตั้งหมื่นให้เป็นแสงสว่างอันประเสริฐ หาสิ่งอื่นเสมอมิได้ ทั้งย่อมกำจัดความมืด (อวิชชา)

แสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี [อรรถกถานัตถิปุตตสมสูตร]

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 21 ส.ค. 2566

ธรรมะวันนี้ สี่คำ

#ปุถุชน ชนผู้หนาด้วยกิเลส ยังไม่ใช่พระอริยบุคคล
#อนุพยัญชนะ ส่วนละเอียดของอารมณ์ (สิ่งที่ปรากฏให้จิตรู้) ซึ่งเป็นเครื่องทำให้กิเลสปรากฏ
#สังคายนา การเรียบเรียง ร้อยกรองพระธรรมวินัยให้เป็นหมวดหมู่ แล้วทรงจำไว้ ไม่ใช่การปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่เป็นการรักษาพระธรรมวินัยให้สมบูรณ์คงเดิมมากที่สุด
#มานะ สภาพที่สำคัญตน ทะนงตน เป็นอกุศลเจตสิกอย่างหนึ่งที่เกิดร่วมกับโลภมูลจิต

บ้านธัมมะ
www.dhammahome.com

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 5 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ