อกุศล ๙ กอง
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงอกุศล ๙ กอง เป็นการแสดงลักษณะของอาการ หรือ ประเภทอกศุลนั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของนิวรณ์ คือเครื่องกั้นความดี หรือ อาสวะ ลักษณะถูกหมักดองด้วยกิเลส ไหลไปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ หรือไหลไปถึง รูปพรหม อรูปพรหม ฯลฯ อุปาทาน หมายถึงยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่รู้ เช่น ยึดมั่นความเห็น ยึดมั่นขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา เป็นของๆ เรา ฯลฯ ทรงแสดงให้เห็นลักษณะของอกุศล ที่ทำหน้าที่ต่างกัน เช่น ถีนะ เป็นกิเลส ทำให้จิตหดหู่ ง่วงนอน มิทธะ ไม่เป็นกิเลส แต่เศร้าหมองเพราะกิเลส มิทธะเป็นเจตสิกที่ทำให้หดหู่ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อกุศลธรรม ๙ กอง ก็คือสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้เอง ขณะใดที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ก็เป็นอกุศลธรรม ที่จัดอยู่ในกองใดกองหนึ่ง ตามแต่ลักษณะของสภาพธัมมะที่เกิดนั่นเอง ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน ดังนั้นคงมีกันหลายๆ กอง เยอะไปหมด แต่จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการอบรมปัญญาคือ ไม่ใช่ให้ไปดับ อกุศลเก้ากองในลำดับแรก แต่ให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริง ในอกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่แหละ คือหนทางดับกิเลส อกุศล ๙ กองจนหมดไม่มีเหลือ แต่ต้องเป็นลำดับและต้องอาศัย ระยะเวลายาวนานครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
อกุศลธรรม ๙ กอง ก็คือสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้เอง ขณะใดที่เป็นอกุศลเกิดขึ้น ก็เป็นอกุศลธรรม ที่จัดอยู่ในกองใดกองหนึ่ง ตามแต่ลักษณะของสภาพธัมมะที่เกิดนั่นเอง ไม่พ้นไปจากชีวิตประจำวัน ดังนั้นคงมีกันหลายๆ กอง เยอะไปหมด แต่จุดประสงค์ที่ถูกต้องในการอบรมปัญญาคือไม่ใช่ให้ไปดับ อกุศลเก้ากองในลำดับแรก แต่ให้เข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงในอกุศลที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา นี่แหละ คือหนทางดับกิเลส อกุศล ๙ กองจนหมดไม่มีเหลือ แต่ต้องเป็นลำดับและต้องอาศัยระยะเวลายาวนานครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อกุศลธรรม ๙ กอง ก็คือสภาพธัมมะที่มีในขณะนี้เอง
ขออนุโมทนาค่ะ เห็นอกุศล เห็นความจริง
หากพระพุทธองค์ไม่ทรงกรุณาแสดงอกุศลโดยประการต่างๆ ไว้โดยละเอียด เราจะไม่มีทางเข้าใจอกุศลที่มีอยู่ได้เลย ซึ่งทั้งหมดที่ทรงแสดงก็เพื่ออธิบายความจริงในชีวิตตามปกติในขณะนี้ และยังได้ทรงแสดงหนทางละอกุศลไปตามลำดับ การละอกุศลขั้นแรก คือการมีความเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นกุศล อกุศล หรืออพยากตะ (ไม่เป็นกุศลและไม่เป็นอกุศล) ก็ล้วนเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา และไม่สามารถบังคับหรือควบคุมใดๆ เพราะต้องเป็นไปตามปัจจัยต่างๆ เมื่อปัจจัยทั้งหลายถึงพร้อมขณะใด ธรรมะอันเนื่องมาจากปัจจัยเหล่านั้นก็เกิดขึ้นทำกิจของธรรมะนั้น แล้วก็ดับไป โดยไม่มีขณะใดที่เว้นว่างจากธรรมะเลย
ขออนุโมทนา