“เห็น” คืออะไร?
“เห็น” คืออะไร?
“看” 是什麼?
問者: 老師一直提醒我們,看的那一刻是什麼?答案就是“只是看”。 “只是看”,那一刻就只是心和七個心所。 請問老師,“只是看” 它是什麼樣的?
ผู้ถาม: ท่านอาจารย์คอยเตือนพวกเราตลอดว่า ขณะที่เห็นคืออะไร? คำตอบก็คือ“เพียงเห็น” ขณะ“เพียงเห็น” ก็มีแค่จิตและเจตสิก 7 ดวง ขอเรียนถามท่านอาจารย์ว่า “เพียงเห็น” เป็นอย่างไร?
Ajhan Sujin: 眼識是怎麼能夠生起來的呢?
อ.สุจินต์: จิตเห็นเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
問者: 因為有業帶來的結果。
ผู้ถาม: เพราะกรรมที่นำมาซึ่งผลของกรรม
Ajhan Sujin: 這是去瞭解什麼是“眼識”的方式嗎? 是什麼樣的條件 “眼識” 可以生起? 當我們討論某一個法的時候呢,那是一個機會更瞭解真相。 心能不能單獨的生起?
นี่คือการที่จะเข้าใจว่าอะไรคือ“จิตเห็น”ใช่ไหม? ด้วยปัจจัยอะไรสามารถที่จะทำให้ “จิตเห็น” เกิดขึ้นได้? ในขณะที่เราสนทนาถึงสภาพธรรมใดสภาพธรรมหนึ่ง นั่นคือโอกาสที่จะยิ่งเข้าใจความจริง จิตสามารถที่จะเกิดขึ้นเพียงลำพังได้ไหม?
問者: 不能。
ผู้ถาม: ไม่ได้
Ajhan Sujin: 那,眼識它生起了,它什麼都不作嗎? 還是它執行了什麼,作了什麼? 眼識生起的那一刻它就在那裡。 那一刻的眼識有沒有誰跟它“眼識”在一起,有沒有某個人跟眼識在一起?
ขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้น ไม่ทำอะไรเลย? หรือทำกิจทำหน้าที่อะไร? ขณะที่จิตเห็นเกิดขึ้น จิตเห็นก็อยู่ที่ตรงนั้น จิตเห็นในขณะนั้นมีใครไปอยู่กับ“จิตเห็น”หรือเปล่า? มีใครสักคนไปอยู่กับจิตเห็นไหม?
所以我們開始去更瞭解眼識,是什麼緣起了眼識?現在有沒有一個什麼在那裡?它被緣起了,然後去看。“去看的”和“被看到的”是不一樣的,一刻接著一刻,每一刻都不一樣。比這個更細微,更深奧的,就是不只是有眼識去看還有其它的。
ดังนั้น เราจะเริ่มเข้าใจจิตเห็นเพิ่มขึ้น อะไรเป็นปัจจัยให้จิตเห็นเกิด? เดี๋ยวนี้มีอะไรอยู่ที่ตรงนั้น? มีปัจจัยเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นจึงเห็น “เห็น”กับ“สิ่งที่ถูกเห็น”เป็นคนละอย่างกัน แต่ละขณะ ทุกๆ ขณะไม่เหมือนกันเลย สภาพที่ละเอียดกว่านี้ ลึกซึ้งกว่านี้ ก็คือไม่เพียงแต่มีจิตเห็นที่เห็นเท่านั้น แต่ยังมีสภาพอย่างอื่นด้วย
如果不是因為佛陀的教導,誰可以去知道是有哪些緣哪些法在那裡,它緣起了眼識去看。 所以,在我們的生命中不僅只是有一個法而已,有很多很多的法在生滅去執行,去作不同的事。因此,聽到佛法也可以幫助我們去知道在看的那一刻,到底有什麼在那裡?
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครสามารถที่จะรู้ได้บ้างว่าปัจจัยใด สภาพธรรมใดที่อยู่ตรงนั้น ที่เป็นปัจจัยให้มีการเห็นเกิดขึ้น? ดังนั้นตลอดชีวิตของเราไม่ได้มีเพียงสภาพธรรมเดียวเกิดขึ้นเท่านั้น แต่มีสภาพธรรมมากมายที่กำลังทำกิจเกิดขึ้นเกิดขึ้นทำหน้าที่แต่ละอย่าง แล้วดับไป เพราะฉะนั้นการได้ฟังพระธรรมสามารถที่จะช่วยเกื้อกูลให้เราได้เข้าใจว่าในขณะที่เห็น มีอะไรที่อยู่ตรงนั้นกันแน่?
這就是我們去學習除了心以外還有很多很多其它的心所。在任何的每一刻,除了心之外還有其它的心所伴隨。我們討論眼識的重要性,它的利益是什麼? 利益就是能夠逐漸的放掉是我在看,不是我而是眼識在看。因此,才會逐漸的放掉有我在看這個或那個的“邪見”。佛陀對這個法用了眼識這個字,但是還有很多其它的法,對很多的其它的法去用其它不同的字。
นี่คือการที่เราจะต้องเรียนรู้ว่านอกจากจิตแล้ว ก็ยังมีเจตสิกอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นขณะใดก็ตาม นอกจากจิตแล้วก็ยังมีเจตสิกอื่นๆ เกิดร่วมด้วย สิ่งที่สำคัญในการสนทนาเรื่องจิตเห็น ประโยชน์คืออะไร? ประโยชน์คือ สามารถที่จะค่อยๆ ละคลายว่าเป็นเราเห็น จึงจะสามารถค่อยๆ ละคลายทิฏฐิ “ความเห็นผิด” ว่ามีเราที่กำลังเห็น แต่เป็นสภาพธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้คำว่า”จิตเห็น” แต่กระนั้นก็ยังมีสภาพธรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งใช้คำอื่นๆ เรียกสภาพธรรมเหล่านั้นที่มากมายหลายอย่างต่างๆ กันไป
如果不是聽到了佛陀所說的法,我們怎麼可能會知道在看的那一刻是還有其它的法在那裡一起去經驗這個對象。 在看的那一刻,你有聽到除了眼識以外,還有更多哪些其它的法也是在那裡了嗎? 否則又怎麼能夠真的看清楚這個真相。看清真相是超過這整宇宙,超過任何的可以看到的。 所以,眼識的真相可以多一點點的被認識被接近。 當你說業會緣起這個這個結果“眼識”是什麼意思?
ถ้าไม่ได้ยินคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะรู้ไม่ได้เลยว่า ในขณะที่กำลังเห็นก็ยังมีสภาพธรรมอื่นๆ เกิดร่วมด้วยที่ตรงนั้นที่รู้อารมณ์เดียวกัน ในขณะที่เห็นนั้น เคยได้ยินไหมว่า นอกจากจิตเห็นแล้ว ยังมีสภาพธรรมอื่นด้วยที่อยู่ที่ตรงนั้น? มิฉะนั้นแล้วจะเป็นการประจักษ์ความจริงอย่างชัดเจนได้อย่างไร การประจักษ์แจ้งความจริงอย่างชัดเจน จึงเป็นสิ่งที่เหนือกว่าสิ่งใดๆ ทั้งสิ้นในจักรวาล เพราะฉะนั้นการเข้าใจความจริงของจิตเห็น จะทำให้สามารถที่จะค่อยๆ รู้จัก ค่อยๆ เข้าใกล้สภาพธรรมนั้น ในขณะที่กล่าวข้างต้นว่า “กรรมเป็นปัจจัยให้เกิดผล” ผลที่เป็น“จิตเห็น”หมายความว่าอย่างไร?
問者: 如實的說我也不知道,只是記住老師說的話來回答。
ผู้ถาม: ขอกล่าวตามตรงว่าไม่ทราบ เพียงแค่จำคำที่ท่านอาจารย์กล่าวมาตอบ
Ajhan Sujin: 所以不只是文字,但是這個文字也是要拿來去瞭解的。
เพราะฉะนั้นไม่ใช่เพียงแค่จำพยัญชนะมาตอบ แต่ต้องเข้าใจด้วย
問者: 是的,就是曾經所造下的業所緣起帶來的結果。
ผู้ถาม: ใช่ ก็คือกรรมที่เคยกระทำไว้นำมาซึ่งผล
Ajhan Sujin: 那,在不同時刻的眼識的差別是什麼?
อ.สุจินต์: แล้ว ความต่างของจิตเห็นแต่ละขณะนั้นคืออะไร?
問者: 眼識就只是眼識。
ผู้ถาม: จิตเห็นก็เป็นเพียงจิตเห็น
Ajhan Sujin: 因為眼識是業帶來的結果。所以,不同的眼識就是不同的業。
อ.สุจินต์: เพราะว่าจิตเห็นเป็นผลของกรรม ดังนั้น ความต่างกันของจิตเห็น ก็คือกรรมที่แตกต่างกัน
有時候眼識是可以看到可喜的對象“色塵”,有時候是看到不可喜的對象“色塵”。那就是因為過去的善業帶來的結果或者是不善業帶來的接果。所以,我們學的去瞭解日常生活中的每一刻,這些經驗會發生都是因為不同的緣。
บางครั้งจิตเห็น เห็นสิ่งที่เป็นอิฏฐารมณ์ และในบางครั้งก็เห็นสิ่งที่เป็นอนิฏฐารมณ์ ขึ้นอยู่กับว่า กุศลกรรมที่เคยกระทำไว้แล้วให้ผล หรืออกุศลกรรมที่เคยกระทำไว้แล้วให้ผล เพราะฉะนั้นควรเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันแต่ละขณะ ว่าทั้งหมดเป็นเพราะปัจจัยต่างๆ
這就是為什麼有些人,即使是很努力的,試著要這個或那個,但是並沒有發生那樣的經驗。因為日常生活中的每一刻,不管是在看、在聽、在嚐、在聞、在碰觸,那都是因為有業為條件“業緣”。 可喜或不可喜,和對愉悅的感受或不愉悅感受的想法。那些時刻的真相是什麼?
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมบางคนแม้ว่าจะพยายามเท่าไหร่ ขวนขวายที่จะได้ในสิ่งนี้หรือสิ่งนั้น แต่ก็ไม่อาจเกิดขึ้นเป็นไปได้ เพราะเหตุว่าทุกๆ ขณะในชีวิตประจำนั้น ไม่ว่าจะเป็นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส เป็นเพราะว่ามีกรรมเป็น“กัมมปัจจัย” สิ่งที่น่าพอใจหรือสิ่งที่ไม่น่าพอใจกับสภาพคิดในความรู้สึกที่น่าพอใจหรือความรู้สึกที่ไม่น่าพอใจ ความจริงของสิ่งเหล่านั้นคืออะไร?
在一天之中,有沒有真的瞭解。什麼是因?什麼是果? 如果沒有眼識去看這個是果,會有那個關於被看到的想法,會有善或不善的因嗎?
ในวันหนึ่งๆ มีความเข้าใจจริงๆ ไหมว่าอะไรคือเหตุ? อะไรคือผล? ถ้าไม่มีจิตเห็นที่เห็นซึ่งเป็นผลของกรรม จะมีสภาพคิดถึงสิ่งที่ถูกเห็นที่เป็นปัจจัยให้เกิดกุศลหรืออกุศลที่เป็นเหตุไหม?
那如果不是因為知道這些真相是什麼,能夠去思考去想著這些真相嗎? 能夠慢慢的去瞭解真相,然後放掉有我存在的想法嗎?
แล้วถ้าไม่ได้เป็นเพราะรู้ว่าความจริงของสิ่งเหล่านี้คืออะไร จะสามารถพิจารณาไตร่ตรองความจริงของสิ่งเหล่านี้ได้ไหม? สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจความจริง ค่อยๆ ละคลายความคิดที่ว่ามีเราได้ไหม?
所以,即使我們知道那個去看“眼識” 它是過去的業緣起。但是看了之後,喜歡或不喜歡,那都是取決於過去的曾經所累積的喜歡或不喜歡。
เพราะฉะนั้นแม้เราจะรู้ว่าสภาพเห็น หรือ “จิตเห็น” เกิดเพราะกรรมที่เคยกระทำไว้ให้ผล แต่ว่าหลังจากเห็นแล้ว ชอบหรือไม่ชอบ นั่นเป็นไปตามการสะสมความชอบหรือไม่ชอบมาก่อนแล้ว
瞭解法的真相有任何的傷害嗎? 要如何的去瞭解這些不善的法是在傷害這個心呢? 瞭解真相的智慧,它會如實的去瞭解在眼識之後的善或不善法。 所以,現在有沒有任何的不善法傷害心呢?
การเข้าใจธรรมะตามความเป็นจริง เป็นโทษหรือเป็นการทำร้ายอะไรหรือเปล่า? ปัญญาที่เข้าใจความจริงสามารถเข้าใจสภาพที่เป็นกุศลธรรมหรืออกุศลธรรมหลังจากเห็นแล้วได้ตามความเป็นจริง เพราะฉะนั้นเดี๋ยวนี้มีสภาพธรรมอะไรไหมที่กำลังทำร้ายจิต?
問者: 就是那個不知道正在傷害心,就是無明。
ผู้ถาม: ก็คือสภาพที่ไม่รู้อันนั้นกำลังทำร้ายจิต ก็คืออวิชชา
Ajhan Sujin: 這就是瞭解真相所帶來的利益,是大的利益。我們瞭解即使在看,因此瞭解在看這個果報之後很快就是緣起更多的無明,貪愛不善法,或者是有可能是有智慧生起的善法。
อ.สุจินต์: นี่คือการเข้าใจความจริงที่นำมาซึ่งประโยชน์ แม้เราเข้าใจว่ากำลังเห็นเป็นผลของกรรม เป็นวิบาก แต่หลังจากนั้นทันทีก็อาจจะมีปัจจัยให้อวิชชาโลภะหรืออกุศลธรรมที่มากมายเกิดขึ้นต่อ หรืออาจจะมีปัญญาและกุศลธรรมอื่นๆ เกิดขึ้นก็ได้เช่นกัน
所以,生命一直在繼續,但是在這些善或不善的果報經驗之後。是持續不善的累積還是偶爾會有智慧生起去瞭解法,這個是非常大的不同。
เพราะฉะนั้นตลอดชีวิตดำเนินไปอย่างนี้ คือหลังจากกุศลวิบากหรืออกุศลวิบากเกิด ก็ต่อด้วยการสะสมของอกุศลธรรม หรือ ปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจสภาพธรรมบ้างเป็นครั้งคราว นี่คือสิ่งที่ต่างกันอย่างยิ่ง
倘若,現在沒有對佛陀的品德尊敬禮敬。沒有佛陀對眾生的幫助。我們怎麼能夠知道這些真相呢? 真正的尊敬禮敬佛陀,就是有智慧生起去瞭解真相的那一刻,這一刻就是真正的禮敬佛陀。倘若沒有佛陀的教導,我們是不可能瞭解現在這一刻的真相的。
ถ้าเวลานี้ยังไม่มีความเคารพในคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคุณประโยชน์ที่ทรงเกื้อกูลสัตว์โลก แล้วเราจะสามารถรู้ความจริงเหล่านี้ได้หรือ? การเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าโดยแท้จริงคือ การที่มีปัญญาเกิดขึ้นเข้าใจความจริงในขณะนี้ การเข้าใจในขณะนี้จึงเป็นการเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ถ้าไม่มีคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราจะไม่มีทางเข้าใจความจริงในขณะนี้ได้เลย
因此要真的瞭解佛陀是誰? 什麼是佛陀? 就要真的瞭解在那裡的法的真相是什麼? 所以我們應該仔細的去思維佛陀所說的法是什麼?
เพราะฉะนั้น ต้องเข้าใจจริงๆ ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือใคร? พระสัมมาสัมพุทธเจ้าคืออะไร? ต้องเข้าใจจริงๆ ว่าความจริงของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏคืออะไร? เพราะฉะนั้นเราควรที่จะพิจารณาไตร่ตรองอย่างละเอียดว่าคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคืออะไร?
敬感恩阿姜舒淨 (Ajhan Sujin Boriharnwanaket) 的恩惠
น้อมเคารพในคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
謹以此施法之功德與我們在輪迴裡每一世的父母 師長 同修 親友 仙人 各位讀者及其他一切眾生分享
กุศลในการนี้ ข้าพเจ้าขออุทิศแด่บิดามารดาในทุกภพทุกชาติ ครูบาอาจารย์ ญาติมิตรสหาย เทวดา และผู้อ่าน รวมถึงสัตว์ทั้งหลาย
By line group Just Dhamma
หมายเหตุ
ที่มา : การสนทนาธรรมออนไลน์ระหว่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กับ ชาวจีน 27-08-2023
阿姜舒淨佛法討論 27-08-2023
สรุปใจความภาษาจีนและเรียบเรียงภาษาไทย :ปาล สว่างพัฒนกุล (黃如蓮)
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... บทความแปลภาษาจีน