กว่าจะหยั่งลงไปถึงความจริงเดี๋ยวนี้ที่เกิดดับ

 
nattawan
วันที่  15 ก.ย. 2566
หมายเลข  46559
อ่าน  407

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ณ กาลครั้งหนึ่ง " สนทนาธรรมที่ร้านเรด ชิลลี่ คาเฟ่ " 8 ส.ค. 66

ความไม่รู้เหมือนภูเขา ... ใหญ่กว่านั้น ... แล้วทุกคนใช้เล็บขูดภูเขา ... เล็กกว่าเล็บอีก ... แล้วพวกเรามีเล็บกันหรือยัง!! เล็บคือปัญญาที่จะเอาความไม่รู้ออก เข้าใจขั้นฟัง ... ถูกแล้ว ... ตรง ... เข้าใจขั้นฟัง ... ถ้าเข้าใจขั้นฟังรู้สึกว่ายังไม่ได้เริ่มขุด!! ... มีเล็บหรือยัง คมหรือยัง หรือเล็บกุด!! ทำไมมาคิดว่ามีเล็บกันหรือยัง แค่ได้ยินคำไหนก็คิดยาว ทำไมไม่คิดว่าเป็นเรื่องของความเข้าใจ และความเข้าใจจะปรากฏให้รู้ไหมว่า เดี๋ยวนี้ระดับไหน!! ไม่พ้นจากตัวเราต้องการรู้ว่าเรามีความเข้าใจระดับไหน!!

ความไม่รู้มากเกินกว่าที่เราจะคิดเพราะฉะนั้น เท่าที่ได้ฟังแค่ได้ยินใช่ไหม ต้องตรง!! ถ้าไม่ใช่ขั้นได้ยิน ... ต้องประจักษ์แล้วเดี๋ยวนี้ตรงตามที่ได้ฟัง ... ก็ไม่ต้องถามใครว่าเข้าใจแค่ไหน!! เป็นคนตรง!!

ประหลาดที่สุด คือ แต่ก่อนฟังรู้สึกเหมือนรู้นะ อะไรๆ ก็รู้ แต่พอได้ฟังธรรมะ ... เรารู้แค่ไหน!! เรารู้หรือเปล่า!! ... สงสัยไปหมด!!!

แต่ก่อนนี้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม ... เหมือนรู้จัก ... แต่หารู้จักไม่ รู้จักแต่ชื่อ เหมือนรู้จัก ถ้ารู้จักต้องเข้าใจคำของพระองค์ ถ้าไม่เข้าใจจะรู้หรือว่านี่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และความลึกซึ้งของแต่ละคำ ... แค่คำยังลึกซึ้ง แล้วตัวความจริงแท้ๆ จะลึกซึ้งแค่ไหน!!! เพราะแค่ฟังยังฟังไม่ออก ให้รู้เลยว่าเป็นบุญที่ได้ฟัง แต่ต้องเคารพ ไม่ใช่ประมาทว่า ฟังแล้วเข้าใจแล้ว!! ต้องเคารพพระองค์และคำของพระองค์แค่ไหน!!! ที่จะไตร่ไตร่ตรอง ที่จะไม่เผินว่ารู้แล้วๆ จิตเป็นธาตุรู้ ... รู้แล้ว ... ประมาทมาก!!!

ฟังไปๆ เป็นลาภอันประเสริฐที่ได้ฟังและยิ่งเห็นพระคุณ ... ความลึกซึ้ง มิฉะนั้น สังสารวัฏฏ์ก็เป็นแบบเผินต่อไป นี่กว่าจะหยั่งลงไปถึงความจริงเดี๋ยวนี้ที่เกิดดับ และถ้าไม่รู้เดี๋ยวนี้ มีโอกาสที่จะเข้าใจไหม!! พระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ขณะนี้!! รู้ได้ยากจริงๆ ... ดีที่รู้ว่ายาก ... พระองค์ตรัสว่ายาก ... แต่เราไม่เข้าใจจะยากไหม!! ต้องเป็นความเข้าใจของเราเองในความยากเพราะรู้ว่าลึกซึ้ง ... ถ้าไม่รู้ว่าลึกซึ้ง ... พูดคำว่ายากไม่ได้!!

เห็นความไม่รู้ไหม ... ระดับไหน!!! ระดับที่ว่า ตัวจริงกำลังมีไม่รู้ ถ้ารู้จักธรรมะก็ต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ

เชิญคลิกชม

ณ กาลครั้งหนึ่ง “สนทนาธรรมที่ ร้านเรดชิลลี่ คาเฟ่” วันอังคารที่ ๘ กรกฏาคม ๖๖

🟦 fb.watch/n2aY7F7RHy/?mibextid=Na33Lf

🟥 youtu.be/FkewFLClrTA?si=qh_WXPvI_FKssaDC

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 15 ก.ย. 2566

แต่ละคำธรรมดาแต่ลึกซึ้ง เพราะขณะนี้ก็มีจริงๆ แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริง อาศัยฟังให้รู้ว่า สิ่งที่มีจริงคืออะไร!! แต่ละอย่างๆ แล้วทำไมฟังแล้วถึงไม่รู้!!! เพราะความไม่รู้มีมากความไม่รู้กับความลึกซึ้งลองเทียบกัน!!!

ฟังเพื่อเข้าใจ ... ต้องมีสิ่งที่เข้าใจ ... คำนั้นที่ได้ฟังเข้าใจแค่ไหน!! ไม่ใช่คิดถึงเราอย่างนั้นอย่างนี้ ... ก็ไม่รู้นั่นแหละ ... ถ้ารู้ไม่มาฟัง!!! พูดถึงสิ่งที่มีที่เราเคยฟัง แต่ไม่เคยเข้าใจ เพื่อเข้าใจขึ้น!!!

เมื่อรู้ว่าเดี๋ยวนี้มีอะไร ... ความดีใจเกิด ... ถ้าความดีใจเกิดก็ไม่รู้หรอกว่าเดี๋ยวนี้มีอะไร!!! เพราะฉะนั้น ความตรงสำคัญที่สุด ตรงว่าไม่รู้จึงฟัง เพื่อค่อยๆ เข้าใจเท่านั้น ... สบายออก ... ไม่ถูกรบกวนด้วยตัวเราจะต้องอย่างนี้อย่างนั้น แต่นั่นหมายความว่า ความเข้าใจในความไม่ใช่เราเพิ่มถึงระดับไม่หวั่นไหว ไม่ว่าที่ไหน ไม่ว่าอะไร จะพูดถึงอะไรขนาดไหน ถ้าไม่มีความเข้าใจขนาดนั้นเกิดขึ้น ก็คือยังไม่ถึงเวลาที่จะเข้าใจ ทั้งๆ ที่ขณะนั้นเป็นความจริง ละเอียดมากเกิดแล้วดับแล้ว!!!

อดทนเพื่อที่จะฟังให้เข้าใจ เพราะธรรมะยากและลึกซึ้ง ... ไม่ฟังได้ไหม!!! ไม่ฟังก็ไม่รู้ แล้วฟังเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจ!!! ทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าฟังเท่าไหร่ถึงจะเข้าใจ ... ก็ยังฟัง ... อดทนไหม!!!

ต้องรู้จักตัวเองไม่ใช่ไปรู้คนอื่น มีธรรมะเกิดจริงๆ ดับจริงๆ แต่ละหนึ่งไม่เป็นของใครเลย แต่ตรงนี้ที่เกิด ที่รู้ว่ามี ก็เข้าใจตรงนี้!!!

ขณะที่ฟังธรรมก็ดูวอลเลย์บอลไปด้วย ... แล้วเป็นธรรมะหรือเปล่า!!! เพื่อรู้ไม่ใช่หรือว่าขณะนั้นไม่ใช่เรา!!! ความจริงขณะนั้นคืออะไร ... เพื่อรู้ใช่ไหม!!! ไม่รู้จริงเพราะดูวอลเลย์บอล ... ก็ดีที่รู้ว่าไม่ได้รู้จริง!!! ความจริงคือตรงนี้แหละ!! จะไปจัดการแก้ไขอะไร!! มันดับแล้ว!!! จะไปบังคับธรรมะไม่ได้ ... แต่อยาก ... หลงลืมสติตลอด!!! ... นั่นไงมาแล้วความหวัง!!! ... อยากได้สติ!!

ฟังธรรมะเพื่อเข้าใจ!!! คำนี้ไม่ได้ก้าวก่ายไปถึงคำอื่นเลย ฟังเพื่อเข้าใจ ก็อยู่ตรงนี้สิเพื่อเข้าใจ!!! ดูวอลเลย์บอลก็ให้รู้ว่าขณะนั้นเป็นธรรมะ เพราะทุกอย่างเป็นธรรมะ!!! แค่นี้เราไม่ถึง ก็มีความเป็นตัวตนเข้าไปกั้น แต่ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ จึงจะค่อยๆ มีกำลังที่จะรู้ว่า ขณะนั้นเป็นธรรมะทีละเล็กทีละน้อย

โลภะกับความไม่รู้ทำให้อยากไม่มีเวลาดูวอลเลย์บอล แต่อยากมีเวลาฟังธรรมะ มันแฝงไปหมด ขณะนี้เข้าใจธรรมะไหม!! ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อเข้าใจ ... แต่นี่เพื่อจะไม่ดูวอลเลย์บอล!!!

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 15 ก.ย. 2566

กว่าจะเข้าใจธรรมะขั้นฟัง เพราะเหตุว่าแค่ฟังใช่ไหม!! จะหมดความสงสัยไหม!! พยายามจัดการธรรมะและเลือกธรรมะเพื่อเข้าใจธรรมะ นี่ไม่ใช่เพื่อเข้าใจธรรมะ!!! เป็นเราทั้งหมด ไม่ได้เข้าใจธรรมะ!!! ต้องฟังเพื่อเข้าใจธรรมะตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นไปไม่รอด!!!

แม้แต่คำว่า " เข้าใจธรรมะ " ลึกซึ้งไหม!!! ไม่ว่าขณะไหนเข้าใจธรรมะไหม!!! ไม่เข้าใจก็ฟังให้เข้าใจเพื่อเข้าใจธรรมะ ตั้งแต่ธรรมะคืออะไร มีจริงๆ หรือเปล่า ... เพราะลืมเสมอ ต่อให้จำไว้ทุกวันก็ลืม!!! เป็นเราตลอด!!! จริงหรือเปล่า!!! แล้วจะเข้าใจธรรมะหรือ!!!

ไม่ใช่เรา ... ธรรมะทั้งหมด ... กว่าจะฝังลงไปว่าไม่ใช่เรา ไม่ว่าจะอะไรทั้งหมดเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งซึ่งไม่เคยรู้เลย ... ฟังเพื่อเข้าใจ ... แล้วจะพยายามทำอะไรไหม!!! ต้องละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง!!! ประมาทไม่ได้เลยสักคำ ... ถึงจะละได้

อยากละก็ผิดแล้ว เป็นเราตลอด พูดไปก็ไม่หมดความอยาก ... กว่าจะรู้ เข้าใจว่าเข้าใจแต่จริงๆ ไม่เข้าใจ นี่เป็นธรรมะหรือเปล่า!! ตอบได้ว่าเป็นธรรมะ!! ... แล้วเป็นธรรมะอะไรขณะนั้น!!! เป็นความติดข้องแต่ไม่ปรากฏ แล้วคิดถึงความติดข้องหรือเปล่า!!! เดี๋ยวนี้กำลังติดข้อง ... จึงไม่รู้!!!

ฟังแล้วเป็นเรื่องของใคร!! ของทุกคนที่ไม่รู้!!!

รู้สึกกลัวไปหมด ... กลัวเพราะไม่รู้จักธรรมะ นี่คือธรรมะแต่ธรรมะแต่ละหนึ่งไม่ได้ปรากฏ!!

พูดเรื่องธรรมะ นึกถึงคำว่า " ธรรมะ " แต่ขณะนั้นไม่ใช่ธรรมะที่กำลังนึกถึง ... เพราะไม่รู้!!! ... เป็นเรา ... แล้วเมื่อไหร่จะมั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 15 ก.ย. 2566

ธรรมเตือนใจ ... เก็บไว้ในหทัย ... ณ กาลครั้งหนึ่งที่ ร้านเรดชิลลี่ คาเฟ่ 8 ส.ค. 66

ขณะใดที่ไม่เข้าใจธรรมะ ต้องเป็นความไม่รู้

นึกว่าเป็นธรรมะทั้งวันก็เหมือนเดิมคือ ไม่มีความเข้าใจธรรมะ ... แค่นึกว่าธรรมะ นึกแล้วเข้าใจแค่ไหน ... ตรงไหม ... หรือนึกแค่ชื่อ

ถ้าตัวธรรมะไม่ปรากฏให้รู้ ... ความจำๆ แต่ชื่อ นึกแต่ชื่อ ... เพราะจำแต่ชื่อ

ทุกอย่างเป็นธรรมะ แต่ไม่รู้ เพราะเป็นเราตลอดเวลา

คิดก็คือคิด ... กลัวก็คือกลัว ... แต่ให้รู้ว่าแต่ละหนึ่งเป็นธรรมะ ยังไม่เข้าใจแต่ได้ฟังมา ... เริ่มรู้ว่าเดี๋ยวนี้เป็นธรรมะ

แค่คิดว่าเป็นธรรมะแค่นั้น เพราะฉะนั้น คิดอะไรก็คิดได้แค่ตามที่ได้ยินมา ทั้งชาติตั้งแต่เกิด ... ทุกชาติด้วย ... มันหนาแน่นแค่ไหน!!! เพราะฉะนั้น ฟังเพื่อเข้าใจ มิเช่นนั้นก็ติดที่จะพูดเรื่องราว ชอบพูดเรื่องธรรมะแต่ไม่เข้าใจธรรมะ

พูดเรื่องอื่นเราเข้าใจอะไร แต่ถ้าเราพูดถึงสิ่งที่มีจริงให้ค่อยๆ เข้าใจความจริงขึ้น ... ต่างกันแล้ว ... ธรรมะอะไรมีประโยชน์!! ปัญญา จนกว่าจะตรง ... จนกว่าจะมีความเข้าใจ

มีแต่เรื่อง แต่ความเข้าใจสิ่งที่มีจริง ... ยังไม่มี และยากเพราะอยากตัวเดียว

ต้องไม่ลืมว่าธรรมะลึกซึ้งเกินกว่าที่เราจะคิดเอง ถ้าคิดเองก็ผิด แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร ... พิจารณาไตร่ตรองคำที่พระองค์ตรัส ... ไม่คิดเอง

ธรรมะขณะนี้คืออะไร ... กำลังมีก็ไม่รู้ จนกว่าจะรู้ว่าเป็นธรรมะ!!! เพราะฉะนั้น ฟังและไตร่ตรองทุกคำของพระองค์ที่ลึกซึ้ง

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา ... นี่จริงไหม!! ขณะไหนก็ได้ " สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา " เข้าใจใช่ไหม!! จะเข้าใจต่อเมื่อเข้าใจว่าสิ่งหนึ่งคืออะไร ... เสียงมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา เสียงดับไปเป็นธรรมดา ค่อยๆ เข้าใจขึ้นใช่ไหม!!! กำลังมีตรงนี้ ไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจตรงนี้ ต่อหน้าต่อตาตรงนี้ ให้ฟัง ให้ได้ยิน ให้รู้ว่ามันคืออะไร ... แล้วค่อยๆ เข้าใจขึ้น ขณะที่เข้าใจก็ละความไม่รู้ไปทีละน้อยมาก เพราะเดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นคนโน้นคนนี้อยู่ แสดงว่าจะต้องมีความเข้าใจอีกระดับไหน!! ฟังต่อไป ฟังวันก่อนกับฟังวันนี้ต่างกันไหม!! ต่างกันเพราะอะไร!! ซ้ำไปซ้ำมาไม่ไปไหนหรอก ... ยังไม่รู้แล้วจะให้ไปไหนกัน!!

ทุกสิ่งทุกอย่างให้รู้จักเมื่อมันเกิด รู้จักระดับไหน รู้จักถึงระดับที่เป็นธรรมะ

คำของพระพุทธเจ้าทุกคำต้องไตร่ตรอง อย่าไปคิดว่าอ่านแล้ว แต่ต้องรู้ด้วยว่า กล่าวถึงสิ่งที่เราไม่เคยคิด ให้รู้ว่ามันมีในชีวิตประจำวัน เป็นธรรมะที่มีจริงๆ ทั้งหมด ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เริ่มเป็นคนรู้จักคิดไตร่ตรองให้รอบคอบ ให้ละเอียดและให้ตรง มิฉะนั้นจะไม่รู้จักธรรมะเลยและไม่รู้จักพระพุทธเจ้าด้วย

ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ความเข้าใจนั่นแหละละความเป็นเราซึ่งเต็มไปหมดทุกชาติ ถ้าปัญญาไม่รู้จะละได้ไหม!! จึงต้องไตร่ตรองทุกคำให้ละเอียดขึ้นจนถึงลักษณะที่ไม่ใช่เรา!!!

เข้าใจธรรมะเท่านั้น ... จะตรง!! เป็นชีวิตจริงๆ ที่มีอยู่แต่ไม่รู้ จึงต้องฟังให้รู้จริงๆ ว่าที่ถูกต้อง ... ที่เป็นจริงนั้นคืออะไร!!!

ฟังแล้วเข้าใจแต่ละคำไหม!! ประโยชน์อยู่ตรงที่เข้าใจ ไม่ใช่มุ่งหน้าไปที่จะเข้าใจ ต้องรู้จักอดทน!! ถ้าไม่อดทนที่จะเห็นความลึกซึ้งจะเข้าใจความลึกซึ้งได้ไหม!! ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่น แค่ฟังธรรมะให้เข้าใจ!!!

อดทนแค่ไหนที่จะฟังแล้วรู้ว่าเราเข้าใจน้อยมาก เช่น เห็นเป็นธาตุรู้ เราเข้าใจมากหรือน้อย เพราะฉะนั้น อดทนที่จะเข้าใจเห็นโดยฟังและไตร่ตรอง ... ไม่คิดเรื่องอื่น ... ถึงจะรู้ว่าขณะนั้นอดทนหรือเปล่า!!! อดทนที่จะเข้าใจเห็นหรือไปคิดเรื่องอื่น ถ้าคิดเรื่องอื่นก็รู้แล้วว่าไม่อดทน เพราะฉะนั้น อดทนก็ละเอียด ธรรมะทุกอย่างละเอียด

ฟังเพื่อเข้าใจ แต่เพียงแค่เข้าใจหรือเปล่า!!! ... เพียงแค่เข้าใจเท่านั้นหรือ!!! อดทนที่จะฟังโดยไตร่ตรองให้ลึกซึ้งขึ้น ละเอียดขึ้น ... แม้แต่ความอดทนก็ต้องอดทนที่จะฟัง ลึกซึ้ง ไตร่ตรองธาตุรู้ นามธรรม นามธาตุ อดทนที่จะเข้าใจว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกชาติมีเห็น ได้ยิน ... แล้วอดทนอะไร ... อดทนที่จะรู้ว่าสิ่งนี้จริง ความจริงของสิ่งนี้ลึกซึ้งตามลำดับของการที่ได้บำเพ็ญแต่ละชาติ ใครจะไปคิดว่าสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้เกิดและดับเร็วมาก เพราะฉะนั้น เคารพทุกคำ ฟังทุกคำ ขณะที่กำลังเข้าใจเขาทำหน้าที่ละความไม่รู้ เมื่อเห็นประโยชน์ ฟังจนกว่าจะถึงธาตุรู้ที่กำลังรู้ เข้าใจเฉยๆ ไม่พอ!!!!!

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 16 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ