อำนาจที่แท้จริงคืออะไร?

 
Thanapolb
วันที่  20 ก.ย. 2566
หมายเลข  46579
อ่าน  398

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ขอเรียนถามความหมายและอรรถะของธรรมะที่เป็นอำนาจ อำนาจที่แท้จริงคืออะไรครับ?

เคยได้ยินบางครั้งที่ท่านกล่าวว่า

อำนาจของกรรมะปัจจัย

อำนาจของโลภะ ตัณหา

โลกเป็นไปตามอำนาจของจิต

ถ้ามุ่งตรงปรมัตธรรม ท่านมุ่งถึงเจตนาเจตสิก และธรรมที่ประกอบกันหรือไม่อย่างไรบ้างครับ

ขอบพระคุณและอนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 20 ก.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๓๑๐

เทวดาทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อะไรเป็นใหญ่ในโลก?
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า อำนาจ เป็นใหญ่ในโลก

(พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อิสสรสูตร)


ขอกล่าวถึงความเข้าใจเรื่อง "อำนาจ" ประมวลจากที่ได้ฟังจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ดังนี้

ธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียดและลึกซึ้ง แม้แต่ข้อความที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็ไม่พอ เวลาที่ได้ยินได้ฟัง จะกี่ครั้งก็ตาม ต้องไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจถูกจริงๆ เพราะฉะนั้น แม้แต่พระธรรมที่ทรงแสดงไว้สั้น แต่ว่าคนฟัง ก็ต้องฟังแล้วก็ฟังอีก นี่ก็แสดงให้เห็นว่าแต่ละคำเป็นสิ่งที่ควรที่จะไตร่ตรองพิจารณา

โดยความหมาย อำนาจ คือ สิ่งที่ทำให้เป็นไปได้ ถ้าไม่สามารถที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ จะมีอำนาจอะไร เพราะฉะนั้น ธรรมดาอำนาจก็จะหมายความถึงสิ่งหรือธรรมที่ทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นไปได้ กล่าวโดยปรมัตถธรรม ก็คือ ธรรมนั่นเอง เป็นอำนาจที่จะทำให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นตามกำลังของธรรมนั้นๆ

การฟังธรรม แม้แต่คำเดียว ก็ไม่เผิน ที่จะทำให้เข้าใจจริงๆ ว่า อำนาจไม่ใช่คน ไม่ใช่ใคร แต่ว่าเป็นสิ่งที่สามารถจะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไปได้

เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นฝ่ายธรรมที่ไม่ดี ก็ทำให้สิ่งที่ไม่ดี ทั้งกาย ทั้งวาจา ทั้งใจ เป็นไปในทางที่ไม่ดี นี้คือ กำลังของธรรมที่ไม่ดี แต่ถ้าเป็นธรรมที่ดี ตรงกันข้ามเลย ไม่สามารถที่จะไปทำให้สิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นเป็นไปได้ เพราะฉะนั้น กำลังของทั้งสองอย่าง จึงต่างกัน กำลังของธรรมฝ่ายดีก็ต้องทำให้สิ่งที่ดีงามเป็นประโยชน์เท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป ด้วยเหตุนี้ ถ้าเข้าใจก่อนโดยความเป็นปรมัตถธรรม เป็นธรรมที่มีจริง เราก็จะไม่สับสนว่าใครมีอำนาจ ขณะนั้นเข้าใจว่าคนนั้นมีอำนาจ แต่อกุศลของคนนั้นทำให้อกุศลธรรมเป็นไป ตามกำลังของอกุศลธรรมนั้นๆ ไม่ใช่เขาสามารถที่จะมีอำนาจทำให้อกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป นี้คือ ทางฝ่ายอกุศล ทางฝ่ายกุศลก็เช่นเดียวกัน ใครมีอำนาจ? ไม่ใช่คนหนึ่งคนใดเลย แต่ว่าขณะนั้น เพราะกุศลธรรมเกิดขึ้นเป็นไป ก็ทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ในทางที่ดีงามเกิดขึ้นเป็นไป เพราะฉะนั้น อำนาจจริงๆ ที่จะทำให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเป็นไป ก็คือ ธรรม ทั้งหมด

ธรรมที่เป็นฝ่ายอกุศล ไม่ดีงาม จะหมดไปได้อย่างไร? ดูเหมือนมีอำนาจทำให้อกุศลทั้งหลายเกิดได้ในวันหนึ่งๆ มีสิ่งนั้นสิ่งนี้เกิดขึ้นจากการเห็น การตรึก การสร้างการทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้น ด้วยความยินดี ด้วยความต้องการด้วยความพอใจ แต่ว่าสิ่งที่ไม่ดีงามเหล่านั้นหมดได้ไหม เพราะฉะนั้น สิ่งที่ไม่ดีที่เป็นอกุศลทั้งหลาย แม้จะดูว่ามีกำลังมีอำนาจที่จะทำให้โลกพัฒนาเจริญไปในทางต่างๆ ก็จริง แต่อกุศลก็ยังคงเป็นอกุศล อกุศลจะเป็นกุศลไม่ได้เลย ด้วยเหตุนี้ผู้ที่มีปัญญาที่เห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง จึงสามารถที่จะเข้าใจถึงสภาพของธรรมจริงๆ ว่า ธรรมแต่ละอย่าง ไม่ปะปนกัน ไม่มีใครสามารถที่จะไปเปลี่ยนแปลงได้, แม้ว่าอกุศลมีจริง แต่ก็ยังสามารถที่จะดับหมดสิ้นไปได้ ด้วยกำลังของสภาพธรรมที่เป็นกุศล ซึ่งสามารถที่จะทำให้เป็นไป คือ ทำให้หมดกิเลสได้


เมื่อกล่าวถึง อำนาจแล้ว จึงไม่พ้นจากธรรม เลย ดังนั้น ก็สามารถที่จะพิจารณาในแต่ละประเด็นๆ ได้

-กรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็สามารถทำให้เกิดผลได้ตามควรแก่เหตุ

-เมื่อเกิดตัณหา (ความอยาก ความต้องการ) แล้ว ก็มีความประพฤติเป็นไปตามกำลังของตัณหา มีการแสวงหาในสิ่งที่ตนเองชอบหรือต้องการ ซึ่งก็คือ ความเป็นจริงของตัณหาหรือโลภะ และเพราะยังไม่สามารถดับตัณหาหรือโลภะได้ ก็ยังต้องมีการเกิดอยู่ร่ำไป นั่น ก็เพราะตัณหาหรือโลภะนั่นเอง ที่ทำให้เป็นอย่างนี้ได้

-โลกเป็นไปตามอำนาจของจิต ถ้าไม่มีจิต จะคิด จะทำอะไรๆ ได้หรือไม่? ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของจิต ซึ่งก็เป็นธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง

คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ มีดังนี้

"แสดงให้เห็นความสำคัญของจิต ซึ่งเป็นธาตุรู้ สภาพรู้ซึ่งเป็นใหญ่เป็นประธานในการรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งไม่เพียงแต่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเท่านั้น แต่ยังคิดนึกวิจิตรต่างๆ นานา ฉะนั้น โลกของแต่ละคน จึงเป็นไปตามอำนาจจิตของแต่ละคน จิตของบางคนก็สะสมกุศลไว้มาก ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดซึ่งเป็นผู้ที่มากไปด้วยอกุศลธรรม จิตของบุคคลซึ่งสะสมกุศลไว้มากนั้นก็ยังเกิดเมตตา หรือกรุณา หรืออุเบกขาได้ในขณะที่โลกของคนอื่นเป็นโลกของความชิงชัง ความไม่แช่มชื่น ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจ ฉะนั้นแต่ละคนจึงเป็นโลกของตัวเองแต่ละโลกทุกๆ ขณะตามความเป็นจริง"


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลของคุณธนพลและทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
AmpholSuttipo
วันที่ 21 ก.ย. 2566

ขอขอบคุณในกุศลจิตและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ก.ย. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Thanapolb
วันที่ 22 ก.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขอบพระคุณและยินดียิ่งในกุศลเกื้อกูลของอาจารย์คำปั่น ที่ให้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ