การกำหนดรูป

 
Nanu
วันที่  23 ก.ย. 2566
หมายเลข  46590
อ่าน  350

เรียน ท่านอจ.ที่เคารพ

ในขณะปฏิบัติวิปัสสนา เกิดข้อสงสัยว่า

1.เสียงที่ได้ยิน หากต้องการแยกรูปให้ดูสภาวธรรมของเสียงใช่ไหมค่ะ แต่เนื่องจากสภาวธรรมของเสียงเกิดขึ้นเร็วมากจนกลายเป็นได้ยิน (นาม) แล้ว ไม่สามารถกำหนดรูปได้ทัน ทำอย่างไรจึงจะสามารถกำหนดรูปได้ค่ะ

2.จากข้อ 1 ท่านอจ. เคยพูดว่าการดูรูปให้พิจารณาว่าไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่ตัวตน เป็นการพิจารณาตามที่เรียนมา แต่หากลงมือปฏิบัติจริงสภาวธรรมที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากรู้สภาวธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติ เพราะหากพิจารณาในขณะปฏิบัติจะตกจากสภาวะปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ

3. สิ่งที่ปรากฎทางตาคือสี เป็นสิ่งที่ยากที่จะบอกว่าเป็นสี ต้องปฏิบัติอย่างไร ให้เห็นว่าเป็นสี (รูป) เพราะความไวของจิตทำให้รับรู้ว่าเห็น (นาม) แล้วค่ะ

ขอกราบอนุโมทนาสาธุค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 25 ก.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ในขณะปฏิบัติวิปัสสนา เกิดข้อสงสัยว่า

1.เสียงที่ได้ยิน หากต้องการแยกรูปให้ดูสภาวธรรมของเสียงใช่ไหมค่ะ แต่เนื่องจากสภาวธรรมของเสียงเกิดขึ้นเร็วมากจนกลายเป็นได้ยิน (นาม) แล้ว ไม่สามารถกำหนดรูปได้ทัน ทำอย่างไรจึงจะสามารถกำหนดรูปได้ค่ะ

ก่อนอื่นก็ต้องเข้าใจ ไม่ใช่ตัวตนที่ไปปฏิบัติหรือไปทำอะไรทั้งสิ้น แต่ต้องเริ่มต้นที่การฟังพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก็สามารถที่จะรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้ เป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น ได้ยิน กับ เสียง เป็นสภาพธรรมคนละประเภทกัน ได้ยินเป็นจิตที่เกิดขึ้นทำหน้าที่ได้ยิน ส่วนเสียง เป็นรูปธรรม เป็นสภาพที่ปรากฏทางหู ขณะที่กำลังได้ยิน เสียงก็ยังไม่ดับไป การที่จะรู้ธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นเรื่องที่ยากมาก ไม่ใช่ด้วยความอยาก ด้วยความเป็นตัวตน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น คือ อกุศลก็กั้นแล้วไม่ให้รู้ความจริง จึงต้องค่อยๆ เข้าใจไปว่า ได้ยิน เป็นอย่างหนึ่ง เสียง เป็นอย่างหนึ่ง เป็นสิ่งที่มีจริง เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ถ้าเหตุปัจจัยพร้อม ปัญญา สามารถรู้สภาพที่ได้ยินตามความเป็นจริงได้ หรือ สามารถรู้สภาพธรรมที่เป็นเสียงตามความเป็นจริงได้ ขึ้นอยู่กับว่าสภาพธรรมใดจะปรากฏกับปัญญาในขณะนั้น ทั้งหมด ล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น



2.จากข้อ 1 ท่านอจ. เคยพูดว่าการดูรูปให้พิจารณาว่าไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่ตัวตน เป็นการพิจารณาตามที่เรียนมา แต่หากลงมือปฏิบัติจริงสภาวธรรมที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากรู้สภาวธรรมที่เกิดจากการปฏิบัติ เพราะหากพิจารณาในขณะปฏิบัติจะตกจากสภาวะปัจจุบันหรือเปล่าค่ะ

ขณะที่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั้น ต้องเป็นการรู้สภาพธรรมที่เป็นปัจจุบัน จะโดยปัจจุบันขณะ หรือ ปัจจุบันโดยการสืบต่อ ก็ตามเหตุปัจจัย ที่จะให้มีการรู้สภาพธรรมนั้นๆ ที่สำคัญคือ รากฐานที่มั่นคงในความเข้าใจว่าธรรม เป็นธรรม ไม่ใช่เรา เมื่อรู้สภาพธรรมก็ต้องตรงตามที่ได้ศึกษามาทั้งหมด ไม่ได้คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงเลย เป็นเรื่องเบาสบาย เพราะหนทางนี้ เป็นหนทางละความไม่รู้ ซึ่งเป็นหนทางที่ยาวไกลมาก จะขาดการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมไม่ได้เลย


3. สิ่งที่ปรากฎทางตาคือสี เป็นสิ่งที่ยากที่จะบอกว่าเป็นสี ต้องปฏิบัติอย่างไร ให้เห็นว่าเป็นสี (รูป) เพราะความไวของจิตทำให้รับรู้ว่าเห็น (นาม) แล้วค่ะ

ไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงฟังให้เข้าใจ สีหรือสิ่งที่ปรากฏทางตา นั้น ก็มีจริง เกิดขึ้นจริงๆ ขณะที่เห็น จะเห็นอะไร? ก็ต้องเห็นสีหรือสิ่งที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ขณะที่เห็นสี มีแต่สภาพธรรมเท่านั้นที่เกิดขึ้นเป็นไป แต่ความรวดเร็วของสภาพธรรมก็ทำให้เห็นว่าเป็นคนนั้นคนนี้หรือว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ดังนั้น ความเข้าใจถูกตั้งแต่ต้นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น ไม่ใช่ด้วยความอยากว่าจะต้องทำอย่างไร แต่ฟังให้เข้าใจ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม ก็สามารถรู้ตรงตามความเป็นจริงได้ว่า สี เป็น สี เท่านั้น ไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตน ครับ


... ยินดีในกุศลของคุณNanuและทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 25 ก.ย. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
Nanu
วันที่ 25 ก.ย. 2566

กราบขอบคุณท่านอาจารย์ และขออนุโมทนาสาธุค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ