ประโยชน์ที่แท้จริงในชีวิต

 
nattawan
วันที่  3 ต.ค. 2566
หมายเลข  46637
อ่าน  360

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับผู้ศึกษาธรรมะมาแล้ว หรือเพิ่งเริ่มศึกษาก็ตาม ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ทุกชีวิตที่เกิดมาแล้วต้องมีความตายเป็นที่สุด ไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป ที่สำคัญชีวิตแสนสั้นเพราะเพียงจิตหนึ่งขณะเกิดขึ้นและดับไป ... ชีวิตก็หมดสิ้นไปแล้ว เพราะฉะนั้น อะไรเป็นสาระประโยชน์ที่แท้จริง!!!

เชิญคลิกชมหาคำตอบได้ค่ะ ...

รายการบ้านธัมมะ 15 ตุลาคม 2565 เรื่อง ประโยชน์ที่แท้จริงในชีวิต

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

ชีวิตที่เข้าใจความจริง ... ผู้ที่ไม่รู้ตามที่ท่านอาจารย์กล่าวว่า " เราจะไปหาผู้รู้ " ... ผู้รู้ๆ อะไร ... เราจะเข้าใจอะไรเรามีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ... พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ... จะดำเนินชีวิตประจำวันอย่างไร ... โดยมีพระองค์เป็นที่พึ่ง!!!

พระองค์ทรงแสดงธรรมะเป็นอันมากทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน คือ ธรรมะ แต่รู้ได้ยากจึงต้องฟังคำของพระองค์โดยละเอียด พิจารณา ไตร่ตรองในแต่ละคำ เช่นธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริง แล้วสิ่งที่มีจริงขณะนี้คืออะไร!!!

ขณะนี้มีทั้งเห็นและคิดได้ยินและคิดและรู้ความหมายของคำที่ได้ฟัง และรู้ความหมายของสิ่งที่คิด มีสภาพธรรมะเกิดขึ้นมากมาย ... ถ้าไม่ฟังพระธรรม จะรู้ไหมว่าที่เห็น ... ที่ได้ยิน ... เป็นธรรมะ!!! เป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา

ในแต่ละวันก็ดำเนินชีวิตไปด้วยความไม่รู้ ... ไม่รู้ความจริงที่กำลังมีอยู่ทุกขณะ ประโยชน์ของชีวิตที่เข้าใจความจริง ... ความจริง คือ สิ่งที่มีในขณะนี้ศีลมีจริงไหม ... ศีลที่เป็นกุศลก็มี ศีลที่เป็นอกุศลก็มี ถ้าไม่ได้ฟังก็อาจจะคิดว่า ศีลมีแค่กุศลเป็นกุศลศีล แต่พระองค์ทรงแสดงว่า อกุศลศีลก็มี จะเห็นความละเอียดว่า ในชีวิตประจำวันไม่พ้นจากกุศลและอกุศลได้เลย

การที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ว่า เป็นสภาพธรรมะที่เป็นเห็นบ้าง ได้ยินบ้าง คิดบ้าง ไม่ชอบใจบ้าง มีความสุขบ้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนแต่เป็นตัวเรา จนกว่าความเข้าใจที่ได้ฟังว่า ธรรมะทั้งหลายเกิดเพราะเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิดขึ้น ถ้าไม่ได้เห็นสิ่งที่สวยงามก็ไม่เกิดความชอบ หรือว่าความสุข ถ้าไม่ได้ลิ้มรสอาหารอร่อยจะสุขไหม เพราะฉะนั้น ทุกอย่างเกิดเพราะมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้สภาพธรรมะนั้นๆ เกิดขึ้นแล้วก็ดับแล้วไม่กลับมาอีกเลย

ความสุขที่เกิดและดับไป จะให้กลับมาอีกไม่ใช่ความสุขเดิม ความสุขที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งให้เกิด หรือความทุกข์ที่เกิดขึ้น ความเศร้าโศกเสียใจ ก็ต้องมีเหตุให้เกิดขึ้น แต่ก็ต้องดับไป นี่คือสิ่งที่เป็นสัจจธรรม ไม่มีอะไรที่เกิดแล้วไม่ดับ เพราะฉะนั้น สิ่งที่เกิดและดับไปแล้วจะยึดถือว่าเป็นของๆ เรา เป็นตัวของเราได้อย่างไร!!!

ต้องพิจารณาว่าสิ่งที่พระองค์ทรงแสดงมีค่า เกื้อกูลต่อผู้ที่เกิดความเข้าใจ จึงเป็นประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ถ้าดำเนินไปด้วยความรู้ความเข้าใจความจริงที่กำลังมี ก็จะทำให้เรามั่นคง ตรงต่อสภาพธรรมะตามความเป็นจริง เป็นผู้ตรงขึ้นๆ เรื่อยๆ ตามหนทางที่พระองค์ทรงแสดง จึงต้องศึกษา ต้องฟังอย่างละเอียด พิจารณาและสนทนาธรรมเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้น

กราบบูชาพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

ชีวิตที่เป็นไปโดยปราศจากคุณความดี เหมือนคนที่ตายแล้ว เพราะว่าคนตายทำความดีไม่ได้ ทำประโยชน์อะไรไม่ได้เลย

ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ... ทำหน้าทีให้ดีที่สุดเป็นพระภิกษุก็เป็นพระภิกษุที่ดี เป็นคฤหัสถ์ก็เป็นชาวพุทธที่ดี และที่สำคัญที่สุด ... ละเลยไม่ได้ คือ ความเข้าใจพระธรรมถูกต้อง ทำให้การประพฤติปฏิบัติถูกต้องเป็นประโยชน์ที่แท้จริงในชีวิต

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

... จะเผินไม่ได้เลย เผินก็คือว่า จำแล้วตอบแล้ว คิดว่าเข้าใจ แต่ถ้าเป็นความเข้าใจจริงๆ จะนำไปสู่การละความไม่รู้ ซึ่งเป็นเรา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด

ต้องตรงต่อคำว่า " ธรรม "

" ธรรม " เป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นสิ่งที่มีจริง ...

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

แนะนำหนังสือ บารมีในชีวิตประจำวัน

โดย อ. สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

ข้อความบางส่วนจากหนังสือ

บารมีในชีวิตประจำวัน

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

... วาจาเป็นเช่นเดียวกับใจ ...

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 3 ต.ค. 2566

ภิกษุในธรรมวินัย ไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 3 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ