มั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา

 
nattawan
วันที่  6 ต.ค. 2566
หมายเลข  46714
อ่าน  361

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

เป็นเรื่องของแต่ละคนที่จะเห็นค่าของความรู้กับความไม่รู้ ถ้าไม่รู้..ละอกุศลทั้งหลายไม่ได้

ฟังธรรมต้องเข้าใจถูกตั้งแต่ต้น มั่นคงว่าทุกอย่างเป็นธรรมะ เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา

สนทนาธรรมที่ The Royal Princess หัวหิน ๓ ต.ค. ๖๑

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

อยู่คนเดียวกับความคิด

ท่านอาจารย์สุจินต์ ... อยู่คนเดียวกับความคิดนึกของตัวเองทั้งวัน ตลอดชีวิต ขณะที่เห็น เห็นคนเดียว หรือว่าคนอื่นมาเห็นด้วย ในขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ แต่ละคน มีคนอื่นมาเห็นด้วยหรือเปล่า ไม่มีเลย

เกิดมาก็เห็นคนเดียว ได้ยินคนเดียว คิดคนเดียว อยู่คนเดียว แต่ในความคิดไม่ใช่คนเดียว คิดถึงคนโน้นบ้าง คิดถึงคนนี้บ้าง จนเต็มโลก เดี๋ยวคิดถึงญาติพี่น้อง เดี๋ยวคิดถึงมิตรสหายเพื่อนฝูง

คิดทุกวัน หารู้ไม่ว่า แท้ที่จริงแล้วก็เป็นคนเดียวนั่นแหละที่คิดเรื่องต่างๆ ถ้าคิดถึงคนหนึ่ง ก็มีคนเดียว ถ้าคิดถึงอีก ๒ คน ๓ คน ก็มีอีก ๒ คน ๓ คน จนในที่สุดก็เป็นเรื่องเป็นราวทั้งหมด ตามความคิด

แต่พอหยุดคิด หายไปไหนแล้วคะ คนในความคิดไม่มีเลย ฉันใด คนในความคิดจะมีก็ต่อเมื่อเกิดคิดขึ้น

พระธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงแล้วก็ปรากฏ แต่ยากที่จะรู้ ต้องอาศัยการฟังแล้วฟังอีก ฟังแล้วฟังอีก

ทุกท่านที่จะเข้าใจพระธรรม หรือเข้าใจสภาพธรรมะต้องเป็นพหูสูตร ผู้ที่ฟังมาก ฟังครั้งเดียวไม่พอ

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

การสวดหรือพูดคำที่ไม่รู้จัก ยาวๆ นานๆ ไม่ใช่เหตุที่จะทำให้ความเข้าใจถูกเห็นถูกเจริญขึ้น มีแต่พอกพูนกิเลส ความไม่รู้ ความติดข้องให้มากขึ้น

การสวดหรือท่องบทต่างๆ เป็นภาษาบาลี ไม่ว่าจะเป็นมงคลสูตร เมตตสูตร รัตนสูตร เป็นต้น พระสูตรเหล่านั้น ล้วนเป็นพระธรรมที่มีการแปลเป็นภาษาไทยไว้แล้ว ซึ่งจะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อได้ศึกษา และเข้าใจความหมายของแต่ละคำอย่างถูกต้อง

แต่ถ้านำมาสวดหรือท่อง เพื่อต้องการสิ่งหนึ่งสิ่งใด หวังลาภสักการะ หวังให้พ้นจากภัยอันตรายต่างๆ ก็ผิดตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นอกุศลตั้งแต่ต้นแล้ว เนื่องจากพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว มีค่าเป็นประโยชน์เกื้อกูลทุกคำ จึงควรจะได้ศึกษาอย่างถ่องแท้ โดยละเอียดทุกคำ ไม่ใช่เพียงแต่ท่องๆ บ่นๆ ตามๆ กันไป ด้วยความไม่รู้

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

เพราะไม่รู้ จึงคบพาลเผาผลาญตน

เพราะไม่รู้ มีอวิชชา จึงคบคนผิด เพราะ ไม่มีปัญญา ที่รู้ว่า คนพาล บัณฑิต คืออย่างไร ใจก็ย่อมไหลไปตามกระแสกิเลส ความไม่รู้ เป็นต้น ก็คบ เสพคุ้นกับ พาล เพราะ คบพาลทั้งภายใน คือ กิเลสที่เกิดขึ้นในจิตใจ และ คบพาล คือ บุคคลที่สมมติว่าเป็นพาล เพราะ มากไปด้วยความไม่รู้ ความเห็นผิด ในจิตใจ เผาผลาญบุคคลที่คบกับบุคคลที่เห็นผิด ให้เห็นผิดตามไปด้วย เผาผลาญความดีของตนเองในขณะนั้น

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

เพราะไม่รู้ จึงเป็นเราเขลามานาน

เพราะไม่รู้ อวิชชา จึงยึดถือว่าเป็นเรา ด้วยความยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคลขณะนั้นเขลา เพราะ ไม่เข้าใจ ความจริง เข้าใจผิด และ เขลามานาน เพราะ ตราบใดที่ไม่มีปัญญา ก็เขลาตลอดมาแล้วในสังสารวัฏฏ์ที่ยาวนาน

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

เพราะไม่รู้ จึงเศร้าโศกในสงสาร

เพราะไม่รู้ คือ อวิชชา ที่เป็นหัวหน้าของอกุศลธรรมทั้งหลาย คือ เป็นเหตุให้เกิดโลภะ โทสะ เศร้าโศก เสียใจ ทุกข์ทางกายมากมาย เพราะ อวิชชา ความไม่รู้เป็นเหตุ ในสงสาร คือ ในการเกิดตายในสังสารวัฏฏ์

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

เพราะไม่รู้ จึงอยู่มาในหล้าโลก

เพราะไม่รู้ คือ อวิชชา ที่ไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ย่อมไม่สามารถดับกิเลสได้ อันเป็นต้นเหตุของการเกิด จึงอยู่มาในโลก คือ ภพภูมิต่างๆ เกิด ตายไม่มีที่สิ้นสุด

www.dhammahome.com


 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ