ตื่นเถิดชาวพุทธ

 
nattawan
วันที่  6 ต.ค. 2566
หมายเลข  46717
อ่าน  371

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประเพณีที่ชาวพุทธยึดถือปฏิบัติ รวมถึงการทำนุบำรุงภิกษุ ประเพณี หมายถึง สิ่งที่ทำสืบต่อกันมา มีทั้งถูกและผิด แต่หากจะกล่าวถึงคำว่า ประเพณีของชาวพุทธที่ถูกต้อง หมายถึง การศึกษาพระธรรมวินัย เข้าใจธรรมะเข้าใจในเหตุในผล ตามคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หากการกระทำใดด้วยพิธีกรรมใด ที่ทำตามกันโดยไม่เข้าใจ ปราศจากซึ่งเหตุผล และที่สำคัญไม่ตรงต่อพระธรรมวินัยแบบนี้จะเรียกว่าประเพณีของชาวพุทธได้อย่างไร

เชิญคลิกชม ...

รายการบ้านธัมมะ 17 กันยายน 2565 เรื่อง ตื่นเถิดชาวพุทธ

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

อ.กุลวิไล : ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม จะไม่รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควร และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ที่สำคัญแต่ละคนสะสมมาไม่เหมือนกัน ขึ้นกับโอกาสที่จะให้เขาได้เข้าใจด้วย ก็สามารถที่จะไม่ทำสิ่งที่ผิดจากพระธรรมวินัย ที่เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา

ทันทีที่จุติจิตดับแล้วปฏิสนธิทันทีตามกรรม เป็นบุคคลใหม่แล้ว งานฌาปนกิจควรทำให้ถูกต้อง ในกรุงเทพก็มีฌาปนสถานของกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศและตำรวจ

ถ้าเรามีความเข้าใจก็ทำสิ่งที่ถูกต้องต้องรอเวลาให้คนอื่นๆ ในครอบครัวได้เข้าใจตามด้วย

การบริจาคร่างกายก็ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับพิธีการทั้งหลายเลย ทางหน่วยงาน เช่น สภากาชาดไทยหรือโรงพยาบาลทั้งหลายก็ไปจัดการฌาปนกิจศพให้

แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่ในครอบครัวสั่งเสียไว้ ... กลัวว่าถ้าไม่ใส่ซองให้จะไม่มีพระภิกษุมาสวดให้ ... ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้!!

แต่ถ้าศึกษาพระธรรมก็ไม่เดือดร้อนใช่ไหม!! และเราไม่สามารถไปแก้ไขคนอื่นได้ มั่นคง ... ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา แต่ละคนสะสมมาต่างกัน แต่ถ้ามีความเข้าใจธรรมะ ก็ทำเหตุที่ดี ถ้ามีโอกาสก็ให้เขาได้เข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่รับเลย เพราะไม่ได้สะสมมา ก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้

อ.คำปั่น : ที่น่าพิจารณา คือ ความเข้าใจ ... เราไม่สามารถบังคับบัญชาคนอื่นได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราเข้าใจก็ทำเป็นแบบอย่าง ... มั่นคง ... จะไม่ทำผิดต่อพระพุทธเจ้า ... เป็นคำที่เตือนใจเราตลอดว่าเราจะทำแต่สิ่งที่ถูกต้องสิ่งใดที่ผิดเราจะไม่ทำ

จริงๆ แล้วผู้ที่เข้าใจพระธรรมจะทำสิ่งที่ถูกต้อง แม้แต่การเผาศพ เผาตอนเช้า ไม่มีการสวดศพ ไม่มีการให้เงินพระ ... นี่คือตัวอย่างของผู้ที่เข้าใจธรรมะ จะไม่ทำในสิ่งที่ผิดเลย

คนที่ฌาปนสถานก็แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นโอกาสให้ได้เกื้อกูลว่า จริงๆ แล้วทำแบบนี้เพราะอะไร ... เพราะได้เข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เข้าใจแล้วว่าภิกษุรับเงินไม่ได้ ดังนั้นคฤหัสถ์จะเอาเงินไปให้ภิกษุได้อย่างไร!! นี่คือความตรงไปตรงมา เป็นความถูกต้อง ... เป็นสิ่งที่สามารถที่จะเข้าใจได้

สิ่งใดก็ตามที่ผิดสามารถไม่ทำตามได้เลย เพราะว่าจะทำแต่สิ่งที่ถูกต้องเท่านั้น นี่คือความตรง ความมั่นคงของผู้ที่เข้าใจธรรมะ ไม่สามารถบังคับบัญชาคนอื่น แต่เมื่อเราเข้าใจก็ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ... นี่คือสิ่งที่เป็นประโยชน์

ทอจ : เดี๋ยวนี้เราอยู่ในโลก ในประเทศหรือในหมู่คณะที่มีความเห็นหลากหลาย การที่จะให้คนอื่นได้มีความเห็นอย่างเรา เป็นประโยชน์ของการที่จะเข้าใจความจริง

ผู้ที่เสียชีวิตแล้วเกิดทันที ... แน่นอน เพราะฉะนั้น พิธีกรรมต่างๆ ก็แล้วแต่คนต่างๆ หลากความคิด ที่เขาคิดอย่างนั้นแล้วเราก็เปลี่ยนไม่ได้ เราอยู่ท่ามกลางพิธีกรรมอย่างนี้มาตลอดแต่ในฐานะที่ได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไรอย่างถูกต้อง เรามีความหวังดีที่จะให้คนอื่นทำสิ่งที่ถูกต้อง ... แต่เป็นไปได้ไหม!!!

ถ้าเป็นคนที่หวังดีจริงๆ จะพูดคำที่มีประโยชน์ แม้คำนั้นเป็นคำจริง แต่ไม่ถึงวาระ ... ถึงกาละที่จะเป็นประโยชน์ ... พูดไปก็ไร้ประโยชน์

การกระทำของเราเท่านั้นที่จะเป็นเครื่องแสดงว่า เรามั่นคงต่อความจริง ถ้ามีคนถามว่าทำไมไม่ถวายเงินพระ เราก็บอกว่าตามพระวินัยพระพุทธเจ้ากล่าวว่าเป็นอาบัติ เป็นโทษ เพราะการได้สละชีวิตครองเรือน ... บ้านช่องทั้งหลาย ก็เพื่อที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต แม้แต่คฤหัสถ์ก็ขัดเกลากิเลสในเพศคฤหัสถ์ได้ ... ไม่ต้องบวชเลย รู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีตามลำดับ จนถึงเป็นพระอรหันต์เมื่อไหร่ จึงไม่สามารถอยู่ในเพศคฤหัสถ์ได้ต่อไป เพราะเหตุว่าสละหมดแล้ว จะไปมีชีวิตอย่างนั้นไม่ได้

ต้องเห็นชีวิตที่ต่างกันจริงๆ ต้องรู้ว่าพระภิกษุคือใคร เพราะฉะนั้น การที่คนอื่นไม่รู้ไม่เข้าใจ แล้วเราก็หวังจะให้เขารู้ ทำอย่างไรก็ไม่มีทางเป็นไปได้ เพราะเขาสะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น แต่เรามีความหวังดี ซึ่งใครๆ ก็ยับยั้งความหวังดีของเราไม่ได้ ... ที่จะพูดคำจริงคำที่ถูก เพื่อที่จะให้เขาได้เข้าใจถูก ... แต่ถ้ายังไม่ถึงกาละ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ใช่ไหม!!!

ถ้ามีประโยชน์เมื่อไหร่ก็ทำเท่าที่จะทำได้ แต่ตัวเราใครก็ห้ามไม่ได้!!!! จะให้เราไปทำสิ่งที่ผิดเราไม่ทำ ต่อให้ใครหรือประเพณีอะไรมาบังคับว่าต้องทำ ... เราไม่ทำ ... เป็นอะไร ... จะเสียหายตรงไหน ... เรามีเหตุผล!!!

พระภิกษุคือใคร ... พระธรรมวินัยว่าอย่างไร ... เราประพฤติตามพระวินัย ... เราทำผิดหรือ!!!!! ต้องมั่นคงในการกระทำของเรา!!!!!

กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ หากไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมปฏิบัติผิด เข้าใจผิดและเต็มไปด้วยอวิชชาคือ ความไม่รู้ตามความเป็นจริงเปรียบเสมือนการหลับใหลอยู่ในความมืด

แต่เมื่อได้ศึกษาพระธรรมเปรียบเสมือนการพบแสงสว่างนำทางออกจากความมืด บุคคลจะค่อยๆ ตื่นขึ้นจากความไม่รู้ เข้าใจถูกขึ้น ส่งผลให้ความประพฤติทางกาย วาจาและใจเป็นไปในทางที่ถูกที่ควร

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

... พระธรรมวินัยว่าอย่างไร? เราประพฤติตามพระธรรมวินัย เราผิดหรือ? เพราะฉะนั้น ต้องเป็นผู้ที่มั่นคงในการกระทำของเรา ... และการที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น เราจะเป็นคนดีในทุกอย่างเพิ่มขึ้นไม่ว่าทางกายทางวาจาและทางใจ ...

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

แนะนำหนังสือ ...

ภิกษุ กับ เงินทองและการช่วยสังคม

โดย คำปั่น อักษรวิลัย

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 6 ต.ค. 2566

... พึงข่มคนที่ควรข่ม ...

ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ