ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ไปสนทนาธรรมที่ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ๔ ตุลาคม ๒๕๖๖

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  6 ต.ค. 2566
หมายเลข  46718
อ่าน  2,971

เมื่อวันพุธที่ ๔ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้รับเชิญจากคุณปทุมา ถือซื่อ สมาชิกชมรมบ้านธัมมะ มศพ. ลำดับที่ ๔๘๕๘ เพื่อไปสนทนาธรรม ณ ห้องนครรังสิต บอลรูม ๒ โรงแรมโนโวเทล กรุงเทพ ฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิต ถนนพหลโยธิน ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญญบุรี จังหวัดปทุมธานี ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ น. - ๑๕.๐๐ น.

คุณปทุมา ถือซื่อ ดิฉันนับถือศาสนาพุทธมาเป็นเวลายาวนาน ไปวัดก็มีแต่กิเลสที่ไป มีแต่ความเป็นตัวตน พอเข้าวัดได้ก็ทำบุญตักบาตรตามปกติ แต่ก็มีกิเลสอย่างมาก ไป "เพื่อขอ" ขอนู่น ขอนี่ ขอมาตลอด แต่พอได้มาพบพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "สอนให้ละ" ไม่ได้ "สอนให้ได้" ก็เลยมีความปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก ว่าเราไม่เคยได้ยินคำนี้จากที่ไหน

และเขาก็พูดกันว่า พระพุทธศาสนาเจริญในประเทศไทย เป็นอย่างมาก แต่ก็แปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีคำสอน ไม่มีใครที่จะพูดคำจริงเลย ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนเลย

เคยไปปฏิบัติธรรม เขาก็ให้นั่งสมาธิ แล้วเขาก็บอกว่า นั่งไป เดี๋ยวจะเห็นแสง เขาว่าอย่างนั้น จะเห็นแสงสว่าง จะพึ่บขึ้นมาเลย เขาว่าอย่างนั้น แสงจะสว่างยิ่งกว่าพระอาทิตย์ในเวลากลางวัน หนูก็นั่งจน ๗ วัน ก็ไม่เห็นอะไรเลย กลับมาก็มีกิเลสเหมือนเดิม มีความอยากได้ อยากเป็น

แต่พอมาฟังธรรมจากท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์สอนแบบ กลับขั้วกันเลย!! สอนว่าไม่มีเรา ไม่มีตัวตน ทำให้เข้าใจขึ้น ว่าธรรมเป็นอนัตตา ความเจริญ ก็มาคิดว่า ศาสนาที่เจริญ หมายถึงอะไร เจริญคืออย่างไร ก็อยากจะสนทนาว่า ความเจริญของพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง คือ คำสอน เจริญที่ว่า ยังคงอยู่ตลอดไป พระธรรมจะไม่อันตรธาน คืออย่างไร?

ท่านอาจารย์ ถ้าไม่เข้าใจ อะไรเจริญ? ความไม่เข้าใจจะเจริญขึ้น เจริญขึ้น!! เพราะฉะนั้น ที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ต้องไม่ลืม พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเป็นใคร ลืมไม่ได้เลย เวลาที่คนได้เห็นพระองค์เสด็จบิณฑบาต ตามที่ต่างๆ นครต่างๆ ถ้าพระองค์ไม่ตรัส ใครจะรู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ทุกคนที่นี่ก็เหมือนกัน ถ้าไม่พูด ใครจะรู้ว่ามีความเข้าใจคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแค่ไหน นี่เป็นสิ่งซึ่ง ต้องรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยตัวเอง ก่อนอื่น ต้องไม่ลืม พระองค์ทรงเป็นใคร ทำไมทรงพระนามว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง ด้วยพระองค์เอง ฟังแค่นี้ พูดตาม แต่..เข้าใจหรือเปล่า? พระองค์ตรัสรู้อะไร? ทรงตรัสรู้ ต้องมีสิ่งที่ถูกรู้ และ "สิ่งที่ถูกรู้" อยู่ไหน? พอฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า? จึงจะเห็นความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่มีความเคารพสูงสุดในคำซึ่งจะใช้กับใครไม่ได้เลยทั้งสิ้น นอกจากพระองค์เดียวคือผู้ที่ได้ทรงตรัสรู้ความจริง จะรู้จักพระองค์ ต่อเมื่อ เริ่มฟังว่า พระองค์ตรัสว่าอย่างไร ความลึกซึ้งของคำนั้นแค่ไหน ภาษาธรรมดา แต่ว่า..เข้าใจความลึกซึ้ง หรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ต้องเป็นคนที่ "ตรงถึงที่สุด" จะมีความเข้าใจลึกซึ้งได้ ก็ต่อเมื่อ คิดถึงความลึกซึ้ง ถ้าคิดว่าไม่ลึกซึ้ง จะเข้าใจไหม? จะไตร่ตรองลึกซึ้งยิ่งขึ้นไหม?

เพราะฉะนั้น แม้แต่คำเดียว สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ลึกซึ้งอย่างยิ่ง จึงทรงพระนามว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านคำว่า "ลึกซึ้ง" ได้ไหม? เผินไม่ได้เลย!!

ผู้ที่ฟังคำทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า "เริ่มเป็นผู้ที่..เพาะนิสัยใหม่ ... " คือ นิสัยที่ฟังแล้ว ต้องไตร่ตรอง ไม่ใช่ฟังเผิน ฟังผ่าน คิดว่าเข้าใจ หรือ ตามคนอื่นไปทันที ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร นิสัยอย่างนั้น จะไม่ทำให้รู้ความจริง ที่ลึกซึ้งได้ เป็นแต่เพียงการ "พูดตาม" แต่ถ้าสนทนากัน ก็ไม่สามารถที่จะให้ความลึกซึ้ง กับคนที่สนทนาด้วย ได้เลย

ด้วยเหตุนี้ เพิ่ม เพาะนิสัย ที่จะถึงความลึกซึ้งของคำ ธรรมดานี่นะคะ แต่ละคำ เป็นคำที่พูดถึงสิ่งที่ไม่ลึกซึ้ง เข้าใจกันได้ทุกภาษา แต่ถ้าเป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใครเข้าใจบ้าง สักคำ เช่น "ธรรม" เผินมากเลย คิดว่าเข้าใจแล้ว แต่ว่า..เดี๋ยวนี้ ธรรมอยู่ไหน? มีหรือเปล่า? เข้าใจหรือเปล่า?

เพราะฉะนั้น จึงต้องเป็นผู้ที่ "เริ่มไตร่ตรอง" ด้วยความละเอียด ด้วยความรอบคอบ ด้วยความลึกซึ้ง ด้วยความมั่นคง เพราะความจริง เปลี่ยนไม่ได้!! ความจริงต้องเป็นอย่างนั้นจริงๆ ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยน จริง ความจริงของสิ่งที่มีจริงได้เลย ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นผู้ที่ เริ่มรู้จักคุณ สูงสุด ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เคยคิดว่าจะต้องไตร่ตรองอะไรถึงปานนี้!! ที่จะลึกซึ้งอย่างยิ่ง แต่ทุกคำของพระองค์ แสดงความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ที่พระองค์ทรงบำเพ็ญ เพื่อที่จะถึงความลึกซึ้ง เมื่อทรงตรัสรู้ความลึกซึ้งนั้นแล้ว เห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ใช่ง่ายๆ เลย ไม่ใช่ไปนั่งที่ไหน สามสี่วัน แล้วก็จะรู้ความจริงได้!!

แต่เป็นผู้ที่ลึกซึ้ง ที่จะเริ่มเข้าใจให้ถูกต้อง ในความจริงของแต่ละคำ เริ่มจากการรู้ว่า คำนั้นคืออะไร เดี๋ยวนี้มีไหม? อยู่ที่ไหน? มิฉะนั้น ทุกคนคิดว่ารู้จักธรรม เพียงแค่คำเดียว เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือยัง? อย่าลืม ใช้คำว่า..เริ่ม ... ถ้าเข้าใจนิดหนึ่ง ก็..เริ่ม ... ที่จะรู้พระคุณ นิดหนึ่ง แต่ถ้าเข้าใจมากขึ้น พระคุณจะประมาณไม่ได้เลย เพราะคนที่เข้าใจ จะรู้ว่า ความจริง ลึกซึ้งยิ่งกว่าที่เข้าใจ

เพราะฉะนั้น เริ่มเป็นผู้ที่เคารพสูงสุด ในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการศึกษา หมายความว่า ไตร่ตรองให้เข้าใจความจริง ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ และทรงแสดง แต่ละหนึ่ง ตามลำดับขั้น ซึ่งต้องเริ่มจากการฟัง ก่อน แล้วก็รู้ว่าสิ่งนั้นมีจริง ไม่ใช่เพียงแค่มีจริง แต่สามารถประจักษ์แจ้ง ความจริง ของสิ่งที่พระองค์ตรัส ให้เราพิจารณา ไตร่ตรอง จนค่อยๆ เข้าใจขึ้น ท่านที่ถาม เป็นอย่างไร เข้าใจดีหรือยัง?

คุณปทุมา ถือซื่อ พอฟังธรรมที่อาจารย์แสดง ก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง อย่างเช่นคำว่า "ธรรม" เพิ่งจะได้ฟังจากท่านอาจารย์ ที่แสดงมา ลึกซึ้งมาก แค่คำว่า "ธรรม" แค่คำเดียว พอฟังลงไปลึกๆ ท่านอาจารย์ก็บอกว่า ตอนนี้ มีอะไรที่เป็นจริง โกรธมีจริงไหม จริง ก็เป็นธรรม พอฟังไปอีก อาจารย์บอกว่า มันมีคำถามตลอด อย่าง "เจ็บ" มีจริงไหม? มีจริง เป็นธรรม เป็นธรรมในชีวิตประจำวันทั้งหมด แต่เราไม่เคยรู้มาก่อนเลย

และ เดี๋ยวนี้ก็โชคดีมาก ที่ท่านอาจารย์ได้ทำเทปให้พวกเราได้ฟัง (มศพ.เป็นผู้ดำเนินการ) ก็ฟังจากยูทูป ตามช่องทางต่างๆ แบบว่า ธรรมหลั่งไหลเข้ามา ง่ายมาก ที่จะได้ฟังคำจริง ซึ่งผิดจากสมัยก่อน ที่หาฟังที่ไหนไม่ได้เลย ก็ฟังหลายๆ ครั้ง แต่ละคลิปของท่านอาจารย์ เพราะฟังครั้งเดียว รับรองได้ว่าไม่เข้าใจ


ขอเชิญติดตามบันทึกการสนทนาธรรมในครั้งนี้ ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
มังกรทอง
วันที่ 6 ต.ค. 2566

แจ่มแจ้งยิ่ง ทั้งคำสนทนาธรรม และรูปประกอบ จึงขอส่งกลอนนี้แทนคำอนุโมทนา"แต่ละคำองค์พระศาสดา จักศึกษาจนเข้าใจ หนักแน่นไม่หวั่นไหว ด้วยมั่นใจในอนัตตา กราบอาจารย์สุจินต์ให้ เมตตาได้ทุกเวลา อีกเปี่ยมความกรุณา น้อมศรัทธาอาจารย์เทอญฯ"

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ต.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เฉลิมพร
วันที่ 6 ต.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งและกราบอนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Tathata
วันที่ 7 ต.ค. 2566

ขออนุโมทนาและยินดีในกุศลวิริยะ ที่คุณวันชัยได้ถ่ายภาพบรรยากาศในงานให้คนที่ไม่มีโอกาสได้ไปร่วมงาน ได้ชื่นชมและเกิดโสมนัสจิต ในการสนทนาธรรมครั้งนี้ด้วย

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ