พูดตามหรือเข้าใจตาม
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ชีวิตประจำวันของเรายังคงแสวงหาของรื่นรมย์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นทางตายังคงพอใจที่จะเห็นสิ่งสวยงาม ทางหูมีบ้างที่ต้องการฟังเพลงและเล่นดนตรี ทางลิ้นก็ยังคงแสวงหาอาหารรสเลิศหรือรสที่ถูกปาก
เมื่อเราเริ่มได้มาศึกษาธรรมะ เริ่มเข้าใจว่าขณะใดที่เป็นกุศล หรือขณะใดที่เป็นอกุศล เราเริ่มรู้ว่าขณะที่เราแสวงหาและพอใจในสิ่งที่เพลิดเพลินขณะนั้นเป็นอกุศล
บางท่านพยายามที่จะเลิกหรือหลีกเลี่ยงหนทางต่างๆ ที่จะนำไปสู่สิ่งที่เพลิดเพลินเหล่านั้น หากเคยประสบเหตุการณ์เช่นนี้ หรือกำลังสับสนว่า การใช้ชีวิตประจำวันจะสวนทางกับการศึกษาธรรมะหรือไม่
เชิญคลิกชม ...
รายการบ้านธัมมะ 23 กรกฎาคม 2565 เรื่อง พูดตาม หรือ เข้าใจตาม
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
จริต คือ ความประพฤติเป็นไปของจิตที่เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง เพราะฉะนั้น มีคำว่าสุจริตและทุจริต และถ้าไม่มีใจเลย จะมีกายทุจริต หรือวจีทุจริต ... ไม่ได้
กายทุจริตหมายความว่า ต้องมีการกระทำทางกาย ไม่อย่างนั้นจะชื่อว่า กายะไหม!!
เบื้องต้นจริงๆ แม้แต่คำที่ได้ฟังแล้วก็สามารถเข้าใจอีกได้เพิ่มเติมขึ้น ละเอียดขึ้น ถ้าเมินเฉยฟังแล้วเหมือนเข้าใจพอแล้ว มีทางที่จะเห็นความลึกซึ้งของแต่ละคำไหม เพราะฉะนั้น แม้ว่าได้ยินแล้วหลายครั้งเหมือนเข้าใจแล้ว แต่ความลึกซึ้งมากกว่านั้นอีกมาก
ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริงทุกอย่าง อภิ : ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ไม่ใช่ว่าอภิธรรมเป็นอย่างหนึ่งลึกซึ้งมาก แต่ธรรมะเฉยๆ มีแต่ไม่ลึกซึ้ง ... ไม่ใช่เลย ... ต้องเข้าใจว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ ... จะบอกว่าไม่มีได้ไหม ... นี่คือความตรง
การศึกษาธรรมะ คือ เข้าใจตรงสิ่งที่มีจริง ไม่ใช่ตรงอื่น แต่ตรงเดี๋ยวนี้ที่มีจริงๆ ... ลึกซึ้งไหม!! เราฟังมาตั้งนาน ... ก็เริ่มใหม่อีก ... สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ตรงนี้!! นี่คือความลึกซึ้งว่า แม้แต่ตรงนี้คืออะไร!! คนที่ไม่ได้ฟังมาก่อนเลย ไม่สามารถเข้าใจได้ แต่คนที่ฟังแล้ว เข้าใจแล้ว ... เริ่มละเอียด
ธรรมมีจริงเดี๋ยวนี้ แล้วยังตรงนี้ คือตรงหนึ่งของธรรมะที่มีจริง ... แม้คำเดียว ... ความเข้าใจจะต้องละเอียดและมั่นคงขึ้น
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงสิ่งที่มีจริงๆ ทุกอย่างไม่เว้นเลย โดยเฉพาะที่เกิดแล้วปรากฏเดี๋ยวนี้ ให้เข้าใจถูกต้องว่า ความจริงของสิ่งที่ปรากฏมีจริงๆ เดี๋ยวนี้คืออะไร!!
เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริง เข้าใจสิ่งที่มีจริงว่าเป็นธรรมะหรือเปล่า!! ไม่ใช่ชื่อธรรมะแต่ทุกครั้งที่ตรัสแสดงความจริง ... ที่ชื่อนั้นบ่งถึงลักษณะที่มีจริงๆ
วันนี้ตั้งแต่เช้ามาคิดถึงธรรมะที่กำลังปรากฏที่มีจริงหรือเปล่า!!! เป็นผู้ตรง ... ใครจะถามหรือไม่ถาม จะสนทนากันหรือไม่สนทนากัน ความตรง ... จริงใจกัน ตั้งแต่ต้นที่ได้ยินคำนี้ก็ต้องรู้ว่า ไม่ได้ถามให้คนอื่นตอบหรือให้คนอื่นคิด แต่ถามให้คนฟังเป็นผู้ตรง ... เริ่มตรงในขั้นฟัง ก็ต้องตรงแม้แต่ว่า วันนี้ก่อนมาที่นี่ คิดถึงธรรมะที่ปรากฏบ้างไหม!!! รู้หรือเปล่าว่านั่นแหละธรรมะ มีธรรมะก็ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ
ขณะนี้มีธรรมะกำลังปรากฏ ... รู้ธรรมะนั้นหรือยัง!!!!!
กราบนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มีจริงที่ปรากฏในขณะนี้ ไม่ว่าผู้ฟังจะอยู่ในอัธยาศัยใดก็สามารถฟังธรรมะและเข้าใจธรรมะได้ เมื่อเข้าใจแล้วก็เป็นไปตามการสะสมของแต่ละบุคคลที่จะกระทำหรือไม่กระทำสิ่งใด
พระองค์ไม่เคยตรัสให้เลือกทำสิ่งใดแต่ให้เข้าใจสิ่งที่กำลังมีทุกขณะว่าเกิดขึ้นเป็นไปอย่างไร และปัญญาจะทำหน้าที่ของปัญญา แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
... ค่อยๆ ตรงต่อจริงเป็นสัจจบารมี จึงจะสามารถรู้ความจริงได้ ถ้าไม่มีพื้น
... ที่มั่นคงอย่างนี้ ศึกษาชื่อ ศึกษาเรื่องของธรรม แต่ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะขณะศึกษาก็เป็น " เรา " ...