การขับเคลื่อนพระพุทธศาสนาไปทางไหน?
กราบนมัสการท่านพระคุณเจ้า และธรรมะสวัสดีมิตรธรรมทั้งหลายครับ ท่านคิดว่างานเผยแพร่พระพุทธศาสนา เป็นหน้าที่ของผู้ใดครับ ถึงเวลาหรือยังที่พุทธบริษัทสี่จะร่วมกันทำกิจกรรมบางอย่าง เพื่อพระพุทธศาสนาของพวกเราให้เจริญอยู่คู่กับโลกนี้ ท่านใดมีความคิดเห็นอย่างไร เรียนเชิญแสดงความคิดเห็นได้ครับ เพื่อความเจริญคงอยู่ของพระพุทธศาสนา?
พระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจในการประกาศหลักพุทธธรรม พร้อมทั้งหนทางปฏิบัติดังกล่าว ก็เพื่อประโยชน์และความสุขของชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์ชาวโลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ทวยเทพและมนุษย์ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประโยชน์ของพุทธธรรมตามทัศนะของพระพุทธองค์ คือ การเอาชนะกิเลสตัณหาภายในใจได้เมื่อเอาชนะสิ่งเหล่านี้ได้ ชีวิตของเราจะสงบเย็น ซึ่งผ่านการพิสูจน์ในอรรถประโยชน์ด้วยพระองค์เอง จึงทรงเป็นแบบอย่างให้แก่พุทธบริษัท ๔ ทั้งฝ่ายของบรรพชิตและคฤหัสถ์ โดยในฝ่ายของคฤหัสถ์ นอกจากจะคอยเกื้อหนุนปัจจัยหลักแก่บรรพชิตแล้ว บทบาทในการเผยแผ่พุทธธรรมก็มีปรากฏเช่นกัน ดังตัวอย่างในครั้งพุทธกาล เช่น นางขุชุตตรา พระพุทธองค์ทรงยกย่องว่าเป็นอุบาสิกาผู้เลิศในการแสดงธรรม ตลอดจนจิตตคฤหบดี นางวิสาขามหาอุบาสิกา หมอชีวกโกมารภัท ฯลฯ ต่างก็มีส่วนในการเผยแผ่พุทธธรรมตามสติกำลังและความสามารถของตน
ในอดีตสมัย ณ สาลวันอันเป็นที่แวะพักแห่งพวกเจ้ามัลละเมืองกุสินารา พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงดับขันธปรินิพพานระหว่างไม้สาละคู่ หมดโอกาสที่สัตวโลกจะได้สดับพระธรรมเทศนาจากพระโอษฐ์อีกต่อไป พระผู้มีพระภาคประทานพระธรรมวินัยที่ทรงแสดงแล้ว ไว้เป็นศาสดาแทนพระองค์เมื่อทรงดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
พุทธบริษัท ย่อมถวายความนอบน้อมสักการะพระธรรมอันประเสริฐสุดของพระผู้มีพระภาค ตามความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัย แม้ผู้ใด เห็นพระวรกายของพระองค์ ได้สดับพระธรรมเทศนาจากพระโอษฐ์ หรือแม้ได้จับชายสังฆาฏิติดตามพระองค์ไป แต่ไม่รู้ธรรม ไม่เห็นธรรม ผู้นั้นก็หาได้เห็นพระองค์ไม่ ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นได้ชื่อว่าย่อมเห็นตถาคต
พระพุทธศาสนา คือ พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้ามี ๓ ขั้น
๑.ขั้นปริยัติ ศึกษาพระธรรมวินัย ๒.ขั้นปฏิบัติ เจริญธรรมเพื่อบรรลุธรรมที่ดับกิเลสดับทุกข์ ๓.ขั้นปฏิเวธ รู้แจ้งธรรมที่ดับกิเลส ดับทุกข์
พระพุทธดำรัสที่ว่า ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นชื่อว่าย่อมเห็นตถาคต หมายถึงการเห็นธรรม รู้แจ้งธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสรู้ คือ โลกุตตรธรรม ๙ ขั้นปฏิเวธ เป็นผลของการเจริญธรรมขั้นปฏิบัติ การเจริญธรรมขั้นปฏิบัติต้องอาศัยปริยัติ ด้วยเหตุนี้ปริยัติคือ การศึกษาพระธรรมวินัยจึงเป็นสรณะเป็นที่พึ่ง เป็นทางนำไปสู่พระพุทธศาสนาขั้นปฏิบัติและขั้นปฏิเวธ เป็นลำดับไป
พระธรรมคำสอนของพระผู้มีพระภาค ได้จดจำสืบต่อกันมาโดยมุขปาฐะคือ การท่องจำจากพระอรหันตสาวก ผู้กระทำสังคายนาพระธรรมวินัยเป็น ๓ ปิฏก เรียกว่า พระไตรปิฏก การท่องจำได้กระทำสืบต่อกันมาตราบจนกระทั่งได้จารึกเป็นตัวอักษร พระธรรมวินัยซึ่งพระอรหันตสาวกได้สังคายนาเป็น ๓ ปิฏกนั้น คือ
๑. พระวินัยปิฏก ๒. พระสุตตันตปิฏก ๓. พระอภิธรรมปิฏก
พระวินัยปิฏก เกี่ยวกับระเบียบข้อประพฤติปฏิบัติเพื่อพรหมจรรย์ขั้นสูงยิ่งขึ้นเป็นส่วนใหญ่ พระสุตตันปิฏก เกี่ยวกับหลักธรรมที่ทรงเทศนาแก่บุคคลต่างๆ ณ สถานที่ต่างๆ เป็นส่วนใหญ่ พระอภิธรรมปิฏก เกี่ยวกับสภาพธรรมพร้อมทั้งเหตุและผลของธรรมทั้งปวง
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสภาพธรรมทั้งปวงแล้ว พระองค์ก็ทรงเทศนาสั่งสอนพุทธบริษัท ให้รู้ว่าสภาพธรรมทั้งปวงนั้น ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นปรมัตถธรรมคือ เป็นสภาพธรรมที่มีลักษณะเฉพาะแต่ละอย่างๆ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงลักษณะเฉพาะแต่ละอย่างๆ ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงลักษณะของธรรมสภาพนั้นๆ ได้ ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่ก็ตาม ใครจะเรียกสภาพธรรมนั้นด้วยคำใดภาษาใดหรือไม่เรียกสภาพธรรมนั้นด้วยคำใดๆ เลยก็ตาม สภาพธรรมนั้นก็เป็นสภาพธรรมที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้เลย สภาพธรรมใดที่เกิดขึ้น สภาพธรรมนั้นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป ดังที่พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมแก่ท่านพระอานนท์ว่า สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา
ชีวิตท่านเองท่านยังรั้งไว้ไม่ได้เลยนับประสาอะไรกับพุทธศาสนามันมีเจริญก็มีเสื่อมเป็นธรรมดา ก็ประคองได้เท่าที่ประคองครับยังไงมันก็เสือม
สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมมีความเสื่อมไป ดับไปเป็นธรรมดา นี้เป็นสัจจธรรมความจริงค่ะ
ตามคำแนะนำจากบ้านธัมมะ ตั้งแต่ ข้อ ๑ - ๕ พยายามทำความเข้าใจในสิ่งที่ท่านกำลังอ่านอยู่ และประพฤติปฏิบัติตามก็ถือว่าได้เป็นผู้มีความเข้าใจถูก และ หากศึกษาต่อไปเรื่อยๆ ก็ถือว่าตัวท่านเองก็เป็นกำลังที่จะช่วยให้พระพุทธศาสนาดำรงอยู่ได้ตลอดไปค่ะ อนุโมทนาค่ะ
ผู้ที่ศึกษา และเข้าใจพระธรรมตามกำลังของตน ก็นับได้ว่ามีส่วนช่วยจรรโลงพระพุทธศาสนาด้วย และก็สามารถขยายความเข้าใจนั้นไปยังผู้ใกล้ชิด แต่ก็ไม่ควรเสียใจถ้าเขาเหล่านั้นไม่สนใจ เพราะพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่สาธารณะทั่วไปในบุคคลทั้งหลาย
ต้องยอมรับความจริง พระพุทธศาสนามีอายุ ๕๐๐๐ ปี. ไม่มีทางมากกว่านี้.
ตราบใดที่ยังมีการปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ตราบนั้นโลกก็จะไม่มีวันว่างจากพระอรหันต์
เราควรมีความเข้าใจ มีความเห็นที่ถูกและตรงในหลักธรมคำสอนในพระพุทธศาสนาก่อนเป็นอันดับแรก ก่อนที่จะคิดช่วยเหลือผู้อื่นในทางธรรมครับ