จะไปไหนใครเลือก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทางมี 2 อย่าง คือ ทางของความดีและทางของความชั่ว ... จะเดินทางไหน ... พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงทางของความดีและความชั่วว่ามีความลึกซึ้งอย่างไร เพราะเป็นเรื่องของจิตใจตามที่ได้สะสมมาแล้ว แต่ว่าธรรมชาติของจิตในขณะนั้นจะมีปัจจัยให้เกิดขึ้นเป็นอย่างไร ... ไม่ใช่เรา
ที่สำคัญที่สุด การที่จะเข้าใจจิตได้ ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานความเป็นธรรมะ ... จะไปทางไหนและใครเลือก ...
เชิญคลิกชม ...
รายการบ้านธัมมะ 8 มกราคม 2565 เรื่อง จะไปไหนใครเลือก
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
มีใครไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้างไหม .. ทุกคนรู้จักใช่ไหม ... ขอให้เป็นการสนทนาเพื่อความเข้าใจจริงๆ เพราะว่าทุกขณะมีค่ามาก ถ้าเราสามารถที่จะเข้าใจ ดีกว่าฟังไปแล้วไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นทุกคำควรเข้าใจ
ขณะนี้ทุกคนรู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชื่อนี้ประกาศความเป็นใคร? ชื่อประกาศคุณธรรมสูงสุด พระอรหันต์คือผู้หมดกิเลส (เป็นไปได้ไหมสมัยนี้ยุคนี้เห็นแต่กิเลสเต็มบ้านเต็มเมือง ทุกวงการ แล้วพระอรหันต์คือผู้ดับกิเลสหมดไม่เหลือเลย) ประเสริฐไหมที่จะเป็นผู้ไม่มีกิเลสเพราะเหตุว่าผู้มีกิเลส ... เพราะกิเลสทำให้เป็นคนไม่ดี แต่ผู้ไม่มีกิเลสจะไม่มีทางที่จะไม่ดีเลย
ทุกคนในโลกนี้กำลังลำบาก เพราะเหตุว่ามีคนมีกิเลสมาก เดี๋ยวฆ่า เดี๋ยวทุจริตทุกวงการไม่เว้นเลย นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เพราะไม่รู้ความจริงว่าหนทางที่จะเป็นคนดี และละคลายกิเลสมี แต่ไม่ใช่ว่าเราจะทำได้เอง ทุกคนไม่สามารถละกิเลสได้ เพราะแม้แต่ได้ยินคำว่า "กิเลส" ก็แค่ได้ยิน แต่เราเผินมากทุกคำ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เผิน กิเลสก็เผิน ธรรมะก็เผิน และเราก็จะเผินๆ กันไปเรื่อย ... จะมีประโยชน์ไหม?
ถ้าไม่รู้จริงก็เป็นการเสียประโยชน์ เพราะเหตุว่าความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด เพราะไม่ได้รู้จริงๆ เลย แต่ถ้าเป็นความรู้จริงที่เป็นประโยชน์ มีหรือที่จะให้โทษ
เราขาดการไตร่ตรอง ขาดการเข้าใจความจริง ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแล้วเราก็เผินๆ ตามกันไป แต่จะมีใครบ้างไหมที่จะเห็นประโยชน์ของการเป็นผู้ตรงเป็น ผู้ไม่เผิน ได้ยินคำไหนไม่ใช่ให้เชื่อ อย่างบอกว่าพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ... เชื่อเลย ... โดยไม่รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นใคร
ต้องไม่ลืมพระอรหันต์ผู้ที่ดับกิเลสหมด อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธะเป็นผู้รู้ถึงที่สุดไม่มีใครเหนือพระองค์ได้เลยจึงเป็นเจ้า ... พระพุทธเจ้าสัมมาสัมพุทธะผู้ทรงตรัสรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริงโดยประการทั้งปวงถึงที่สุด เพราะฉะนั้นถ้ามีอะไรสงสัยแล้วคิดว่า คำของผู้ทรงตรัสรู้สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ทุกปัญหา ขอเพียงเป็นผู้ตรง เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
รู้ไหมว่าแต่ละคนอายุจะยืนยาวเท่าไหร่ เด็กก็สิ้นชีวิตได้ วันนี้ก็ได้ พรุ่งนี้ก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ และประโยชน์ของการที่อยู่มาตั้งแต่เกิดจนถึงก่อนที่จะตายคืออะไร ถ้าได้รู้ความจริง มีปัญญาได้รู้ว่า ผู้ที่ทรงมีปัญญาเหนือบุคคลใดทั้งสิ้นตรัสอย่างไร เป็นประโยชน์แก่คนอื่นอย่างไร รวมทั้งเราด้วย ก็จะไม่ทอดทิ้งหรือละเลยแต่ละคำที่ได้ฟัง ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจจริงๆ
เราไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้จริง แล้วพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงทั้งหมด เพียงแค่อะไรจริง ... ยังไม่รู้เลย แต่พระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงทุกอย่างทั้งหมดโดยประการทั้งปวง ไม่เหลือกิเลสความไม่รู้ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความติดข้อง และกิเลส ความไม่ดีอีกมากมาย ... นี่คือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากที่ทรงตรัสรู้แล้วทรงแสดงพระธรรม 45 พรรษา ... นานไหม ... ไม่พอที่สัตว์โลกจะสามารถที่จะรู้ความจริงได้ แต่พอเพียงที่ถึงเวลาที่จะปรินิพพาน ทรงเห็นผู้ที่เป็นภิกษุ ภิกษุณีในครั้งนั้น อุบาสก อุบาสิกา มีความเข้าใจธรรมะ (พอที่จะเป็นที่พึ่งของคนอื่น) ที่พระองค์ได้ตรัสไว้ดีแล้ว พระองค์ก็ปรินิพพาน สิ่งที่เหลือก็คือคำสอนที่จารึกไว้เป็นพระไตรปิฎกจาก 45 พรรษา
พระธรรมที่ทรงแสดงยังคงเป็นความจริง ซึ่งเป็นประโยชน์กับทุกชีวิตไม่ว่าโลกไหนทั้งสิ้น ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดมาเพื่อตาย แต่ก่อนตายก็เพื่อเห็นสิ่งที่น่าพอใจ เพื่อได้ยิน ได้กลิ่นลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส เพื่อสนุกสนาน แล้วไม่เหลืออะไรเลยทั้งสิ้น แล้วก็จากโลกนี้ไปด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจสิ่งที่ประเสริฐที่สุดที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ถ้าผู้ใดสามารถเข้าใจได้จริงๆ ชีวิตจะมีประโยชน์ยิ่งขึ้นจนกว่าจะถึงวันที่จากโลกนี้ไป
บุญเป็นสภาพของจิตที่ดี บาปเป็นสภาพของจิตที่ไม่ดี ไม่มีใครสามารถเลือกได้ นอกจากจะมีเหตุปัจจัยให้จิตนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างไรตามฉันทะหรือความพอใจที่ได้สะสมมา
ถ้าจิตดีก็ไปทางดี ถ้าจิตชั่วก็ไปทางชั่ว ... ไม่ใช่เราเลย แต่ว่าฉันทะของผู้มีปัญญาจะเลือกไปทางที่ดีและถูกต้อง
ถ้ารู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่เราแล้วมีแต่ธรรมะทั้งหมด นั่นคือหนทางที่จะละคลายการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้ารู้ว่าทุกอย่างไม่ใช่เราแล้วมีแต่ธรรมะทั้งหมด นั่นคือหนทางที่จะละคลายการยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง
ขอบคุณ และยินดีในกุศลจิตค่ะ