รู้ว่าไม่ใช่เรา ... แค่นี้พอไหม?

 
nattawan
วันที่  16 พ.ย. 2566
หมายเลข  46976
อ่าน  340

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ข้อความบางส่วนจากการสนทนาธรรมที่ไร่ศิริสัมพันธ์ 16 พ.ย. 66

ทำอย่างไรจึงจะเข้าใจธรรมะและทำงานอย่างมีความสุข? ... จะพึ่งใครมีคำตอบหรือยัง ทุกคนต้องคิด!!! จนปัญญา ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ทุกคนก็หาที่พึ่ง พึ่งพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระรัตนตรัย เพราะทรงบำเพ็ญพระบารมี ทรงตรัสรู้ ทรงเป็นที่พึ่ง เริ่มรู้จักพระมหากรุณาคุณของพระองค์ซึ่งไม่เล็กน้อยเลย มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง แต่ละคำลึกซึ้งแค่ไหนเพราะทรงตรัสรู้แล้ว ที่พึ่งสูงสุดคือพระรัตนตรัย ถ้าไม่ฟังพระธรรมจะพึ่งได้อย่างไร ต้องฟังคำของพระองค์และไตร่ตรองเข้าใจจนเป็นปัญญาของตนเอง เริ่มรู้จักพระองค์เมื่อฟังคำของพระองค์และเข้าใจตามลำดับ

ทรงตรัสรู้อะไร? เดี๋ยวนี้มีสิ่งที่มีจริงหรือเปล่า? ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ ... จริงหรือเปล่า ... มีใครรู้บ้าง?

ถ้าไม่เข้าใจพระธรรม ไม่เข้าใจคำของพระองค์ ไม่รู้จักพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ความเคารพรู้คุณจะมากขึ้นขนาดไหนถ้าได้ฟัง คิดและเข้าใจคำของพระองค์ ตั้งต้น "เดี๋ยวนี้จริงหรือเปล่า" เดี๋ยวนี้จริงเพราะมีสิ่งที่ปรากฏให้รู้ว่ามีจริง ถ้าไม่มีจริงเราจะมาพูดเรื่องไม่จริงอย่างนั้นหรือ!!!

สิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่งเดี๋ยวนี้ คือ ได้ยินและเสียงมีจริง คิดมีจติงพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงคือ ได้ยิน เสียง คิด คือความจริงของสิ่งที่มีเดี๋ยวนี้แต่ละหนึ่งไม่พร้อมกันแน่ๆ

เกิดมาก็มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ไม่รู้ความจริงเลยว่าความจริงที่ทรงตรัสรู้คือสิ่งที่มีจริงตลอดชีวิต ธรรมะคือสิ่งที่มีจริงๆ เช่น เห็นแต่ไม่รู้ความจริงของเห็น ค่อยๆ เห็นประโยชน์ตั้งแต่เกิดมามีทุกอย่าง แต่ไม่รู้อะไรเลย และจากโลกนี้ไปโดยไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้

ฟังคำของพระองค์เพื่อรู้เรื่องอื่นหรือรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ แค่ฟังไม่พอต้องเข้าใจอย่างมั่นคง ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรมะถ้าไม่เกิดไม่มี เดี๋ยวนี้เห็น ไม่มีใครทำให้เกิด แต่เกิดแล้ว ทรงตรัสว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา" ธรรมดาคือธรรมะต้องเป็นอย่างนี้เปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดแล้วดับไม่ดับไม่มี

ความจริงของธรรมะที่ควรรู้ยิ่งเพราะเปลี่ยนไม่ได้ เป็นธรรมะแต่ละหนึ่ง เมื่อปรากฏแต่ละหนึ่งใครจะรู้ว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมะแต่ละหนึ่งไม่ใช่เราเป็นอนัตตา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดพระองค์ตรัสว่า "ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา" แต่เพราะไม่รู้ความจริงจึงยึดมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา เพราะไม่เห็นการเกิดดับ

สิ่งที่เกิดแล้วสามารถรู้ได้ ถ้าไม่ฟังก็ไม่รู้ต่อไปในสังสารวัฏฏ์ ประโยชน์อะไรที่เกิดดับ? ไม่มีเราแต่มีธรรมะแต่ละอย่าง คิดนึกแต่สิ่งที่ปรากฏโดยไม่รู้ว่าสิ่งนั้นดับแล้ว เกิดและดับรวดเร็วสุดที่จะประมาณได้ ... จริงไหม?

ต้องจริงตั้งแต่คำแรก "สัจจบารมี" ทุกคำต้องเข้าใจขึ้น ละเอียดขึ้น ลึกซึ้งขึ้น โลก หมายถึงสิ่งที่เกิดและดับ ... ถ้าไม่เกินไม่มี

พระองค์ทรงตรัสรู้สิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ เริ่มรู้จักธรรมะ เริ่มเข้าใจมั่นคงว่าใครเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง เป็นพระบรมศาสดา ถ้าไม่อาศัยคำจริงของพระองค์ ไม่มีทางรู้ความจริงเลย เป็นเรา เป็นของเราทั้งชีวิตทุกขณะตั้งแต่เกิดจนตาย ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ จะไม่รู้เลยว่า เป็นทุกข์เพราะเกิดและดับ

ความจริงลึกซึ้งมาก ฟังคำของพระองค์กี่คำ ทรงแสดงพระธรรม 45 พรรษา เราเข้าใจทุกคำอย่างที่สุดหรือยัง? เมื่อฟังแล้วจะรู้จักตัวเรามากขึ้น รู้ว่าไม่ใช่เรา ... แค่นี้พอไหม?? ถ้าฟังและมีความเข้าใจมากขึ้น มั่นคงขึ้น ปัญญาเพิ่มขึ้น ความไม่รู้ลดลง จะรู้ว่าไม่ใช่เรา ความเป็นเราค่อยๆ ลดลง ... เป็นธรรมะ ... ไม่ใช่เรา

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ

สนทนาธรรม “สบายสบาย” กับอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะอาจารย์ มศพ. 📍ไร่สิริสัมพันธ์ จังหวัดนครราชสีมา 🗓️ วันพฤหัสบดีที่ 16 พ.ย. 66 เวลา 14.00 - 16.00 น.

🟦Facebook​ : ชมรมบ้านธัมมะ
fb.watch/olsyDgJE-t/?mibextid=Na33Lf

🟥YouTube : dhammahomelive
www.youtube.com/live/amJwcpfyks4?si=u1hQrkWD-1dZ6k2D


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 16 พ.ย. 2566

มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง ไม่คิดเอง คิดเองเมื่อไหร่ผิดทันที

เราคิดว่าเรารู้ แต่ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ เราจะไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ได้เลย ถ้าไม่เข้าใจคำของพระองค์ ไม่ใช่ชาวพุทธ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 16 พ.ย. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ