สิ่งที่ควรรู้ยิ่ง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมะละเอียดลึกซึ้งยากที่จะเข้าใจได้ สนทนาธรรมเพื่อเตือนกันไม่ให้ลืม ต้องตรงถึงจะเข้าใจความจริงได้เพราะธรรมะไม่เปลี่ยน
ธรรมะคือสิ่งที่มีจริงเป็นธรรมดา คือความเป็นจริงหรือความเป็นไปของธรรมะ ความเป็นจริงของธรรมะแต่ละหนึ่งๆ เห็นเป็นธรรมะ โกรธเป็นธรรมะ ได้ยินเป็นธรรมะ
เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส คิดนึกเป็นธรรมดาคืออย่างไร?สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นมีความดับไปเป็นธรรมดา เป็นสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง เห็นเป็นธรรมดา เห็นเกิด รู้จักเห็นว่าเห็นมีจริงไหม? ถ้าไม่อาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ได้ไหม? ต้องฟังและเข้าใจแต่ละคำละเอียดลึกซึ้ง เห็นเป็นธาตุรู้เกิดขึ้นแสนสั้นตามเหตุปัจจัยและดับไปเป็นธรรมดา แต่ไม่รู้ หลังเห็นสามขณะก็ไม่รู้แล้ว เป็นเราเห็น ต้องรู้จึงจะละความไม่รู้ได้ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่จะเข้าใจแต่ละคำว่ามีจริงและลึกซึ้ง
ชื่อย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวง (ที่ควรรู้ยิ่ง) ฟังแล้วจำคำเป็นเรื่องราว แต่ไม่เข้าใจคำนั้น ชื่อจึงครอบงำสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง
สิ่งที่ควรรู้ยิ่งคือรู้ตามความเป็นจริงของสิ่งที่ควรรู้ยิ่ง รู้หรือเห็นตามความเป็นจริง สิ่งใดเกิดก็ต้องรู้สิ่งนั้นถูกต้องตามความเป็นจริง เข้าใจธรรมะในภาษาของตนๆ
พยัญชนะทำให้อรรถะปรากฏ เป็นประโยชน์ที่ชีวิตนี้จะได้ฟังและเข้าใจคำของพระองค์
ขณะนี้ขณะนี้มีเย็น เกิดตามเหตุปัจจัย เย็นเป็นธรรมดา
พระองค์ทรงประจักษ์แจ้งความจริงจึงทรงแสดงความจริงที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง ผู้ที่กล่าวว่านับถือพระองค์ ต้องเห็นความลึกซึ้งอย่างยิ่งของสิ่งที่มีจริง เข้าใจถูกต้อง ค่อยๆ มั่นคงว่า ควรรู้ยิ่งว่า เห็นมีจริงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยและดับไป ได้ยินมีจริงเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยและดับไป รู้ได้ยากแต่สามารถรู้ได้ เมื่อไหร่ ... แล้วแต่ปัญญาของแต่ละคน
ไม่ใช่ใครจะดับความเห็นผิดได้ต้องเป็นความเห็นถูกจึงจะดับได้
สิ่งที่ประเสริฐสุดในสังสารวัฏฏ์คือความเห็นถูกเข้าใจถูกในสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้ เกิดเพราะเหตุปัจจัย และดับ ไม่มีใครทำให้ยั่งยืนได้ ความจริงต้องตรงขึ้นๆ ๆ ต่อความเป็นจริง ค่อยๆ เห็นโลกเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจะเป็นโลกไหม? ไม่ฟังเผิน ไม่ใช่ฟังไปๆ เชื่อไปๆ แต่ต้องคิดไตร่ตรอง จึงจะรู้ความจริงของสภาพธรรมะที่ปรากฏตามความเป็นจริงแต่ละหนึ่ง แล้วจะรู้ว่าขณะนี้โลกมืดเพราะไม่รู้ความจริงจึงเป็นเรา เป็นเขา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นอัตตา
เชิญคลิกชม ...
สนทนาธรรม “สบาย สบาย” กับ อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะอาจารย์ มศพ. 📍ไร่สิริสัมพันธ์ นครราชสีมา
🗓️ วันศุกร์ที่ 17 พ.ย. 66 เวลา 10.00 - 12.00 น.
📸 ดูโพสต์นี้บน Facebook www.facebook.com/share/v/wkwoRusV5qcqCFcL/?mibextid=WC7FNe
🟥YouTube : dhammahomelive
www.youtube.com/watch?v=wq56b0bFcQ4
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ
รอบรู้ในพระพุทธพจน์คือฟังคำที่พระองค์ทรงแสดง คิด ไตร่ตรองและเข้าใจคำของพระองค์
เคารพสูงสุดในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงมีพระสัมมาสัมพระเจ้าเป็นที่พึ่งสูงสุด ต้องตรง!!! ต้องเข้าใจทุกคำ ไม่ประมาท ไม่เข้าใจเผิน ถ้ากล่าวคำของพระองค์เป็นอย่างอื่น เข้าใจผิดและไม่ละทิ้งความเห็นผิด เท่ากับทำร้ายพระกายของพระองค์ ถ้าไม่ฟังรู้ไหมว่ายังเข้าใจผิดอยู่เพราะยังไม่รู้ทธรรมะถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เดี๋ยวนี้เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏเป็นปกติ หรือว่าแค่ฟัง!!!
ธรรมะเป็นธรรมะแน่นอน เป็นอนัตตา ไม่ใช่เรา
จะเข้าใจสิ่งที่มีจริงได้ ต้องฟังคำของพระองค์
การสนทนาธรรมเป็นมงคลอย่างยิ่งเพราะนำมาซึ่งปัญญา ค่อยๆ ละความไม่รู้ ความติดข้อง ตามลำดับจนกระทั่งดับกิเลสจนหมดสิ้น
[เล่มที่ 24] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 284
๑. นามสูตร
ว่าด้วยเทวตาปัญหา ๓ ข้อ
[๑๗๘] เทวดาทูลถามว่า อะไรหนอครอบงำสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งปวงที่ยิ่งขึ้นไปกว่าสิ่งอะไร ย่อมไม่มี สิ่งทั้งปวงเป็นไปตามอำนาจของธรรมอัน หนึ่ง คืออะไร
[๑๗๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ชื่อย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวง สิ่งทั้งปวงที่ยิ่งขึ้นไปกว่าชื่อไม่มี สิ่งทั้งปวง เป็นไปตามอำนาจของธรรมอันหนึ่งคือชื่อ
อรรถกถานามสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในนามสูตรที่ ๑ แห่งอันธวรรค ต่อไป :-
บทว่า นามํ สพฺพํ อนฺธภวิ แปลว่า นามย่อมครอบงำสิ่งทั้งปวงคือ ย่อมเกิดขึ้น อธิบายว่า สัตว์หรือว่าสังขารที่พ้นจากนามอันเป็นกิตติศัพท์ในภายนอกเกิดขึ้น ย่อมไม่มีจริงอยู่ ชนทั้งหลายย่อมไม่รู้นามคือชื่ออันนี้ แห่งต้นไม้ใด หรือว่าแผ่นดินใด คำไม่มีชื่อนั่นแหละ ก็เป็นนาม (ชื่อ) ของสิ่งนั้นได้.