สิ่งที่มีจริง แต่ไม่รู้อะไรเลย

 
kawin
วันที่  5 ธ.ค. 2566
หมายเลข  47040
อ่าน  378

สิ่งที่มีจริง แต่ไม่รู้อะไรเลย **

มีอยู่กับ สภาพรู้แจ้ง (จิต) หรือไม่ครับ (ข้อความอนุเคราะห์ จากผู้มาใหม่)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงพระธรรม เพื่อให้พุทธบริษัทซึ่งเป็นผู้ฟัง ได้รู้ได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง จุดประสงค์ ก็คือ เพื่อให้เข้าใจจริงๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่เรา เป็นแต่เพียธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นธรรมนั้น ไม่พ้นไปจากธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม เป็นสภาพที่มีจริง เพราะเหตุว่า ขณะนี้ทางตาที่กำลังเห็นก็เป็นธรรม ทางหูที่กำลังได้ยิน ก็เป็นธรรม ความไม่พอใจ ความโกรธความหงุดหงิด ก็เป็นธรรม ความติดข้องต้องการก็เป็นธรรม ดีใจ เสียใจ เศร้าใจ หดหู่ใจ กลัวก็เป็นธรรม ทุกอย่างเป็นธรรมทั้งหมด เพราะเป็นสิ่งที่มีจริงไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะ

สิ่งที่มีจริงที่ไม่รู้อะไร ไม่ใช่สภาพรู้ ไม่ใช่ธาตุรู้ ก็คือ รูปธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริง เกิดตามสมุฏฐานที่ให้รูปนั้นๆ เกิด เมื่อเกิดแล้วก็ดับไป ไม่มีแม้แต่รูปเดียวที่เที่ยงที่ยั่งยืน รูปธรรม ก็เป็นสิ่งที่จิตรู้แจ้งได้ เช่น ขณะที่เห็น ขณะนั้น สีกำลังถูกจิตเห็นรู้แจ้ง

ความไม่รู้มีมาก สะสมมานานแสนนาน จึงต้องได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ด้วยความเคารพ ละเอียดรอบคอบต่อไป ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ kawin และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
kawin
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

ขอนอบน้อม แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า พระองค์นั้น

สภาพรู้ (จิต) ไม่คิด ไม่ทุกข์ไม่สุข 1 ขณะ** เวทนาเจตสิก

ขณะนั้น/ ตอนนั้น ไม่เห็นการเกิดการดับ** เป็นปัจจัยให้เกิดการติดข้อง

(โลภะ) เหมือนไม่รู้อะไรเลย ติดข้อง ใช่สภาพธรรมะ ที่ไม่รู้อะไรเลย 1 ขณะเวลานั้น ใช่สภาพ ธรรม (สิ่งที่มีจริง ณ ขณะนั้นเกิดดับอยู่ แต่ไม่รู้อะไร นี้เป็นความเป็นจริงของสิ่งที่มีจริง ปัญญาเข้าใจถูก ไหมครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 5 ธ.ค. 2566

เรียน ความคิดเห็นที่ ๒ ครับ

เพราะความไม่รู้ความจริงของธรรมว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่มีจริงที่เกิดแล้วดับไป ไม่เที่ยงไม่ยั่งยืน จึงมีการหลงยึดถือติดข้องในสิ่งนั้นซึ่งเกิดแล้วดับแล้ว กล่าวได้ว่าเป็นการติดข้องในสิ่งที่ไม่มี เพราะเหตุว่าเกิดแล้วดับไปนั่นเอง

ขณะที่ติดข้องยินดีพอใจก็เป็นอกุศลมีความไม่รู้เกิดร่วมด้วย ซึ่งทุกขณะที่อกุศลเกิดย่อมไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีกำลังปรากฏ

ทุกขณะของชีวิตไม่เคยปราศจากจิตเลย ไม่ว่าจะเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย คิดนึก เป็นต้น ทั้งหมดเป็นจิต และทุกขณะของชีวิตก็ไม่เคยปราศจากความรู้สึกเลย นี่คือ ความเป็นจริง ซึ่งก็เป็นธรรมทั้งหมด ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ kawin และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
chatchai.k
วันที่ 6 ธ.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ