เข้าถึงธรรม

 
oom
วันที่  3 ก.ย. 2550
หมายเลข  4721
อ่าน  4,485

ผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้าถึงธรรม จะสามารถอยู่ได้ ในทุกสถานการณ์ ทั้งชอบและไม่ชอบ อยู่ด้วยจิตที่ไม่หวั่นไหว ตั้งมั่น ใช่หรือไม่


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ไตรสรณคมน์
วันที่ 3 ก.ย. 2550

ขึ้นอยู่กับว่าผู้นั้นเข้าถึงธรรมขั้นไหน ถ้าเป็นพระอรหันต์ซึ่งเป็นการบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ท่านจะไม่มีความหวั่นไหวต่อสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะท่านได้กระทำที่สุดแห่งทุกข์แล้ว

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 3 ก.ย. 2550

ปัญญามีหลายระดับ ก็แล้วแต่ว่า จะเป็นปัญญาระดับไหนค่ะ เช่น ความศรัทธาของพระโสดาบันที่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้าน้อยกว่าศรัทธาของพระสกทาคามี และศรัทธาของพระสกทาคามีที่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ก็น้อยกว่าพระอนาคามี และศรัทธาพระอนาคามีที่เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ก็น้อยกว่าศรัทธาของพระอรหันต์ค่ะ ฯลฯ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
oom
วันที่ 4 ก.ย. 2550

การเข้าถึงธรรมนั้น มีหลายระดับ เช่นกรณีที่เราถูกคนนินทาว่าร้าย เราไม่หวั่นไหวและทำใจได้ว่า เป็นโลกธรรม ๘ ที่ทุกคนต้องเจอ แสดงว่าเราก็เข้าถึงธรรมแล้ว ระดับหนึ่ง ใช่หรือไม่ เพราะเราพิจารณาตามความเป็นจริงว่า ไม่มีใครในโลกไม่ถูกนินทา เราจึงไม่โกรธเขา แต่บางครั้งเราก็โกรธ ทำไม่ได้ ซึ่งขณะนั้นแสดงว่าเราหลงลืมสติจึงไม่เข้าถึงธรรมใช่หรือไม่

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Sam
วันที่ 5 ก.ย. 2550

ผู้ที่ไม่เข้าถึงธรรม ก็สามารถอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แต่ย่อมหวั่นไหว ผู้ที่เข้าถึงธรรม แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอรหันต์ สามารถอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ทั้งที่ชอบและไม่ชอบ แต่ย่อมหวั่นไหว ตามกำลังกิเลส ที่ยังละไม่หมด ผู้ที่เข้าถึงธรรมขั้นพระอรหันต์ สามารถอยู่ได้ในทุกสถานการณ์ โดยปราศจากความชอบและไม่ชอบและย่อมไม่หวั่นไหว ตราบใดที่ยังมีความชอบและไม่ชอบ ย่อมมีความหวั่นไหว

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Sam
วันที่ 5 ก.ย. 2550

ถึงความคิดเห็นที่ 3

ในขณะที่โกรธ ก็สามารถเข้าถึงธรรมได้ โดยรู้ในขณะนั้นว่าโกรธเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา และความไม่หวั่นไหว การทำใจได้ ความไม่โกรธ ความโกรธ และการหลงลืมสติ (ตามที่กล่าวไว้ทั้งหมดในความคิดเห็นที่ 3) ก็เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ซึ่งจะเข้าใจว่าเป็นธรรมะไม่ใช่เราอย่างไร ได้ด้วยการศึกษาและพิจารณา พระธรรมคำสอน ด้วยความละเอียดรอบคอบ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
oom
วันที่ 5 ก.ย. 2550

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ ซึ่งบางครั้งก็พิจารณาไม่ทันว่าโกรธก็เป็นธรรมะ มาระลึกได้ในภายหลัง เป็นแบบนี้บ่อยๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
Sam
วันที่ 6 ก.ย. 2550

ขอชื่นชมท่านเจ้าของคำถาม ที่มีความสนใจในการศึกษาธรรม และเลือกใช้คำว่า "เข้าถึงธรรม" ในการตั้งคำถาม คำๆ นี้สื่อความหมายคล้ายกับคำว่า "ถึงเฉพาะ" ซึ่งเป็นความหมายตามตัวของคำบาลีว่า "ปฏิบัติ" ใน ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ อันเป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาธรรมะควรเข้าใจ การที่จะเข้าถึงธรรมได้นั้น ต้องมาจากเหตุ คือความเข้าใจเสียก่อน ในขั้นต้น คือความเข้าใจจากการฟัง การอ่าน หรือการสนทนา เมื่อความเข้าใจขั้นต้นนี้มั่นคงพอ ก็จะทำให้มีความเข้าใจขั้นเข้าถึงธรรม และเมื่อเข้าถึงธรรมได้ทั่วและละเอียดตามความเป็นจริง ก็จะสามารถดับความชอบและไม่ชอบอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ไปตามลำดับขั้น จนหมดสิ้นในที่สุด

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 ก.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การเข้าถึงธรรมมีหลายระดับ แต่จริงแล้วก็คือ เข้าถึงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา นี่คือเข้าถึงธรรม คือลักษณะของธรรมจริงๆ การอบรมปัญญาหรือเข้าถึงธรรม (สติปัฏฐาน) ไม่ได้หมายความว่า จะให้ไม่ให้มีชอบหรือไม่ชอบ เพราะมีเหตุ ย่อมเกิดขึ้น แต่การเข้าถึงธรรม คือรู้ลักษณะ แม้ของอกุศลที่ชอบหรือไม่ชอบที่เกิดขึ้นว่าเป็นธรรม นี่คือความมั่นคงและตั้งมั่นในลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังเกิดขึ้น ขณะที่ระลึกสภาพธรรม ทีเกิดในขณะนั้น ไม่หวั่นไหวไป ในความยินดี ยินร้ายครับ

ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Sam
วันที่ 7 ก.ย. 2550
ขออนุโมทนา
 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
oom
วันที่ 9 ต.ค. 2550

ทุกวันนี้ ก็พยายามศึกษา ฟังธรรม ให้เข้าใจ ตามที่อาจารย์สุจินต์สอน สำหรับตัวเองได้ผลดีมากเลย เพราะมีความเข้าใจมากขึ้น ทำให้อยู่ได้ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าสิ่งที่ชอบ หรือไม่ชอบก็ตาม บางครั้งอาจจะเป็นทุกข์บ้าง แต่ก็ไม่นาน สามารถแก้ปัญหาต่างๆ ได้ดีขึ้น ทำให้ซาบซึ้งในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาก เพราะให้ผลได้ ไม่จำกัดกาลจริงๆ ทุกวันนี้มีความสุขมาก

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 10 ต.ค. 2550

....และไม่ลืมว่าที่มีความสุขมากก็ไม่ใช่เราแต่เป็นธรรมนะครับ ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 5 ก.ค. 2566

ยินดีในกุศลของทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ