เกิด แก่ เจ็บ ตาย
เกิด แก่ เจ็บ ตาย โดยทั่วไปจะเข้าใจว่าคนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ซึ่งนำมาซึ่งความทุกข์โศกร่ำไรรำพันอย่างนั้นเป็นความเห็นผิดใช่หรือไม่.. สภาพธรรมะเกิดพร้อมกันได้หรือไม่ หรือเกิดขึ้นทีละหนึ่งเร็วมากๆ คนทุกคนแท้ที่จริงแล้วคือสภาพธรรมะแต่ละหนึ่งที่ไม่เหมือนกันเลยใช่หรือไม่ เป็นอย่างนี้นับชาติไม่ถ้วนแล้วใช่หรือไม่ ความเห็นที่ถูกต้องคืออย่างไร ในแง่ของธรรม
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อกล่าวถึงเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้ว ไม่พ้นจากธรรมเลย เกิด ก็คือ ขณะแรกของภพนี้ชาตินี้ ซึ่งก็คือปฏิสนธิจิตพร้อมกับเจตสิกที่เกิดร่วมด้วย และมีกลุ่มของรูปที่เกิดจากกรรมเกิดขึ้นเป็นไปด้วย ๓ กลุ่ม คือ กลุ่มของกาย กลุ่มของภาวรูป และกลุ่มของหทยรูป นี้คือ ขณะแรกที่เกิด
แก่ ก็คือ ธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม เมื่อเกิดแล้วก็คล้อยไปสู่ความดับ นี้คือความแก่หรือคร่ำคร่าของธรรม
เจ็บ ก็คือ ทุกขเวทนาที่เกิดขึ้นเป็นไปเกิดร่วมกับกายวิญญาณอกุศลวิบาก เป็นธรรมที่มีจริงอย่างหนึ่ง เจ็บไม่ใช่รูปธรรม เพราะรูปธรรม ไม่สามารถรู้อะไรได้เลย
มรณะ ก็คือ ความตาย โดยละเอียดแล้วหมายถึงความดับไปของธรรมที่เป็นนามธรรมกับรูปธรรม ขณะที่ธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรม ดับไป เป็นมรณะ เพราะเหตุว่า เมื่อธรรมที่เป็นนามธรรมและรูปธรรมเกิดแล้วที่จะไม่คล้อยไปสู่ความดับและที่จะไม่ดับไป นั้น ไม่มี และถ้ากล่าวถึงในแต่ละชาติแล้ว มรณะก็คือจิตขณะสุดท้ายของภพนี้ชาตินี้เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เคลื่อนพ้นจากความเป็นบุคคลนี้จะกลับมาเป็นบุคคลนี้อีกไม่ได้เลย
แต่ละคนเคยเกิดมาแล้วอย่างนับชาติไม่ถ้วน เพราะยังไม่สามารถดับเหตุแห่งการเกิดได้ มีอวิชชาเป็นเครื่องกางกั้นมีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ จึงต้องมีการเกิดอยู่ร่ำไป ซึ่งก็ไปพ้นจากความเกิดขึ้นเป็นไปของธรรมเลย การเกิดในแต่ละภพแต่ละชาติ ก็คือ ธรรมที่เป็นจิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นเป็นไป ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน
ถ้าหากสำคัญว่ามีคนเกิดจริงๆ คนแก่จริงๆ คนเจ็บจริงๆ คนตายจริงๆ นั้น ไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้องเลย เพราะสัตว์บุคคล ตัวตน ไม่มี มีแต่ธรรมเท่านั้น แต่เมื่อเข้าใจในความเป็นธรรมแล้ว จะกล่าวอย่างไรก็ไม่ผิด เพราะไม่ได้เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง แม้จะกล่าวว่า คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตาย ก็ไม่ผิด เพราะเข้าใจโดยความเป็นธรรมนั่นเอง ครับ
... ยินดีในกุศลของคุณKuat639และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...