สนทนาธรรมไทย-ฮินดี นาคปุระ ๑๕ ธ.ค. ๖๖ เช้า
สนทนาธรรมไทย-ฮินดี นาคปุระ ๑๕ ธ.ค. ๖๖ เช้า
- วันนี้เป็นวันที่มีค่าที่สุดในชีวิตเพราะว่า นอกจากจะได้บูชาคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ระลึกถึงท่านเอ็มเบคก้าซึ่งทำให้เราได้มานั่งสนทนากันที่นี่และร่วมกันระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยไม่ใช่เพียงการกราบไหว้บูชาแต่ด้วยการระลึกถึงคุณที่สามารถทำให้เราเข้าใจพระธรรมที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้
- เรากล่าวคำบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพแต่จะเคารพยิ่งขึ้นถ้าได้เข้าใจคำที่พระองค์ตรัสเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้เราเริ่มเข้าใจทุกคำที่พระองค์ตรัสเป็นการบูชาสูงสุดเพราะว่า เมื่อพระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีตรัสให้เราเข้าใจ เราก็ศึกษาด้วยความเคารพจนกว่าเราจะเข้าใจสมกับที่เราได้กล่าวคำบูชา
- เพราะฉะนั้นเราจะเริ่มด้วยการระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัย เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจความลึกซึ้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงความจริงที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ พระปัญญาของพระองค์เหนือบุคคลใดในสากลจักรวาล เริ่มเข้าใจทีละคำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงที่คนอื่นรู้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นคำของพระองค์แสดงความสูงสุดประเสริฐสุดในการสามารถเข้าใจสิ่งซึ่งไม่มีใครจะรู้ได้ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงความจริงนั้น เริ่มเข้าใจเดี๋ยวนี้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใจไม่ได้ทรงแสดงพระธรรมเพื่อให้คนฟัง “พูดตาม” แต่เพื่อให้รู้ความจริงที่พระองค์ได้ทรงประจักษ์แจ้ง
- ทุกคนที่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้าใจถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นว่า พระองค์ตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริง ใครคิดถึงความลึกซึ้งของคำไม่กี่คำ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ “ความจริง” ของสิ่งที่มีจริง เพียงคำถามนี้สำหรับไตร่ตรองว่า ความจริงของสิ่งที่มีจริงอยู่ไหน?
- ต้องพิจารณาแม้แต่คำว่า “ของสิ่งที่มีจริง” คนที่ไม่เคยฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรู้ไหมว่า เดี๋ยวนี้อะไรมีจริง เดี๋ยวนี้กำลังเห็น “เห็น” มีจริงๆ หรือเปล่า
- เห็นมีจริง รู้ “ความจริง” ของเห็นหรือยัง กำลังได้ยิน รู้ความจริงของได้ยินซึ่งกำลังมีจริงๆ เดี๋ยวนี้หรือยัง กำลังคิดเดี๋ยวนี้ รู้ความจริงของคิดเดี๋ยวนี้หรือยัง
- ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามานานเท่าไหร่ รู้ความจริงของเห็นเดี๋ยวนี้หรือยัง
- ใครคิดว่า รู้จักเห็น รู้ความจริงของเห็นที่กำลังมีเดี๋ยวนี้บ้าง ดูเป็นธรรมดา ทุกอย่างในชีวิตเป็นธรรมดา แต่ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มีเป็นธรรมดาแต่ละ ๑ ชนิด มาฟังธรรม หวังว่าจะได้ยินคำอื่น เรื่องอื่น หรือว่าพูดถึงสิ่งที่กำลังมีให้รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่าอย่างไร
- มีใครอยากจะฟังเรื่องอะไรบ้าง จะได้รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องอะไรและพระองค์ทรงตรัสรู้ความจริงของทุกเรื่องถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง การฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเริ่มเห็นความลึกซึ้งที่ยากที่จะรู้ได้ การสนทนาจะทำให้รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและเข้าใจทุกคำที่พระองค์ตรัส
- (อยากทราบความต่างของ ”จิต“ กับ ”มโน“) มีความหมายเดียวกันเป็น “ธาตุรู้” ขณะนี้มีสิ่งที่เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง “จิต” หรือ “มโน” คือ ธาตุที่ได้ยินหรือเห็นเดี๋ยวนี้เอง ยังมีอีกคำหนึ่งที่เป็น “ธาตุรู้” จะใช้คำว่า “มโน” ก็ได้ “จิต” ก็ได้ “วิญญาณ“ ก็ได้ ถ้าไม่มีธาตุรู้ก็จะไม่มีอะไรปรากฏได้เลย
- ชีวิตประจำวันขณะนี้เห็นต้องอาศัย ”ตา“ ถ้าไม่มีสิ่งใดกระทบตา เห็นเกิดไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นขณะนี้ธาตุรู้เกิดขึ้นเห็นใช้คำว่า ”จักขุวิญญาณ“
- จิตเป็นธาตุรู้เกิดขึ้นไม่รู้ไม่ได้และถ้าไม่มีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ธาตุรู้ก็เกิดรู้สิ่งนั้นทางนั้นไม่ได้ ถ้าไม่มีอะไรกระทบจมูก จิตเกิดขึ้นได้กลิ่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นธาตุรู้ที่เกิดขึ้นเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสจริงๆ ใช้คำว่า ”วิญญาณ“
- กำลังหลับสนิทมีธาตุรู้แต่ไม่ได้อาศัยตา หู จมูก ลิ้น กาย เพราะฉะนั้นขณะใดก็ตามที่มีการรู้สิ่งที่ไม่ใช่ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นการรู้อารมณ์ทางใจใช้คำว่า ”มโนวิญญาณ“ แต่ทุกคำมีความหมายละเอียดและแยกออกละเอียดกว่านี้ด้วย แต่กล่าวถึง ”ธรรม“ คือสิ่งที่มีจริงทุกขณะ สิ่งที่มีจริงต่างกันจึงต้องใช้คำต่างๆ เพื่อหมายความถึงแต่ละ ๑ ที่มีจริงที่ต่างกัน
- การศึกษาธรรมต้องเริ่มตามลำดับถ้าไม่ได้ฟังธรรมเลยจะรู้อะไรไม่ได้สักคำ แต่ทุกอย่างที่มีจริงเป็นธรรม เพราะฉะนั้นต้องศึกษาละเอียดจริงๆ ไม่ใช่อะไรเป็นกุศลธรรม อะไรเป็นอกุศลธรรมเท่านั้น
- บางคนคิดว่า เพียงได้ยินคำว่า ”กุศลธรรม“ “อกุศลธรรม” ก็เข้าใจหมดแล้ว แต่ความจริงยังไม่รู้จักธรรม เพียงแต่ได้ยินคำที่พูดถึง “ธรรม”
- ความลึกซึ้งที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ก่อนปรินิพพานทรงตรัสว่า ”จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม“ หมายความว่าทุกอย่าง เพราะฉะนั้นคนที่เห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะเคารพทุกคำของพระองค์โดยการศึกษาจนเข้าใจความละเอียดจริงๆ
- พระองค์ตรัสว่า กุศลธรรม อกุศลธรรม ธรรมคืออะไร พระองค์ตรัสว่า สัพเพสังขาราอนิจจา สัพเพสังขาราทุกขาและสัพเพธัมมาอนัตตาหมายความว่าอะไร เป็นธรรมหรือเปล่า เป็นอนัตตาหรือเปล่า เป็นสังขารธรรมหรือเปล่า ถ้าไม่ฟังคำของพระองค์จะเข้าใจสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ไหม? เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้มีจริงแต่ว่าเป็น สัพเพสังขาราอนิจจา หรือว่าเป็น สัพเพสังขาราทุกขา หรือ สัพเพธัมมาอนัตตา ถ้าไม่เข้าใจคำที่พระองค์ตรัสจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไหม?