ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๗
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๗
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ทุกพระพุทธพจน์ ทุกคำ เป็นปัญญาทั้งหมดที่ทำให้คนฟังได้เข้าใจได้ไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเห็นถูกของตนเอง จะไปขอยืมความเห็นถูกของใครมาก็ไม่ได้ ไปอ้อนวอนขอร้อง ไปซื้อก็ไม่ได้ มีทางเดียวคือเห็นประโยชน์ เกิดศรัทธาว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริง แล้วจะฟังใคร ถ้าไม่ฟังพระองค์
~ ถ้าไม่รู้คุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะกล่าวว่านับถือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้ และถ้าไม่ฟังคำของพระองค์ด้วยความละเอียดไตร่ตรองลึกซึ้งจนเป็นความเข้าใจของตัวเอง ผู้นั้นก็จะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากพระพุทธศาสนา
~ สิ่งที่ประเสริฐที่สุดในชีวิตนี้ ก็คือ สามารถเห็นถูกเข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ มิฉะนั้น ก็หลับไม่ตื่นตลอดทุกภพทุกชาติ เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงชั่วขณะ ทุกขณะของชีวิตชั่วคราว คำว่า “ชั่วคราว” สั้นแสนสั้น เกินกว่าที่เราจะคิดประมาณได้
~ การศึกษาธรรม เมื่อเข้าใจว่าเป็นธรรมแล้ว ชีวิตก็จะเจริญในทางฝ่ายกุศล จะไม่เบียดเบียนใคร และเราเองก็จะไม่เดือดร้อนด้วย เพราะเหตุว่าธรรมที่เป็นกุศลมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้น
~ ถ้าเราคิดว่าเราโกรธคนนั้นคนนี้ ขณะนั้นคนนั้นคนนี้ไม่มีจริงๆ แต่จิตที่กำลังมีความโกรธเพิ่มความโกรธขึ้นทุกขณะจริงๆ ที่จะสะสมสืบต่อไป อะไรก็ละไม่ได้ นอกจากปัญญา
~ ไม่มีเรา แต่มีธรรม ทุกอย่างที่มี เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ไม่ซ้ำกัน ไม่ใช่อย่างเดียวกัน แต่ละหนึ่งเกิดขึ้นแล้วดับไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย นี่เป็นคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ถ้าเข้าใจผิดคลาดเคลื่อน ก็เป็นความเห็นผิด แต่ขณะใดก็ตามที่มีความเข้าใจสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้ตรงตามความเป็นจริง ความเข้าใจนั้น มาจากไหน? มาจากการฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ เมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือ เข้าใจในคุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
~ กิเลสมีมากมายมหาศาล ที่มีการฟังพระธรรมขณะนี้ รู้หรือเปล่าว่า เป็นความอดทนที่จะรู้จักสภาพธรรมที่เคยยึดถือว่าเป็นเรามานานแสนนานที่จะได้เข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง
~ ทุกข์ หมายถึงสิ่งที่ไม่น่ายินดี ไม่มีแล้วมีแล้วดับไปแล้วไม่เหลือเลย น่ายินดีไหม? ในเมื่อจากไม่มีก็เกิดมีให้ติดข้องและก็ดับไปไม่เหลือเลย กว่าจะเห็นทุกข์ได้ ไม่ง่าย
~ นิสัยใหม่ ไม่ใช่ตามใครเขาบอก
~ สิ่งที่เกิดขึ้น มีแล้วเดี๋ยวนี้ ไม่ได้ทำ แต่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย
~ ทั้งหมดที่ฟังพระธรรม เพื่อรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายิ่งขึ้น
~ จะรู้จักความจริงโดยไม่ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ไหม?
~ การฟังพระธรรมคือการฟังสิ่งที่มีจริงซึ่งไม่เคยได้ยินมาก่อน เป็นมงคล เป็นสิ่งที่นำความเจริญมาให้ในชีวิต และเมื่อได้ฟังแล้ว การสนทนาธรรมที่จะเข้าใจความจริงนั้นยิ่งขึ้น ก็ยิ่งเป็นสิ่งที่ควรมีอย่างยิ่ง เพราะนำความเจริญในการที่จะสามารถรู้ความจริง ก่อนจะจากโลกนี้ไป
~ ตรงต่อความจริง จะนำไปสู่การเข้าใจสิ่งที่มีจริง เพราะฉะนั้น เป็นสัจจบารมี ธรรมต้องเป็นธรรม จริงไหม? เห็นเป็นธรรมหรือเห็นเป็นเรา?
~ แม้แต่คำว่า "ธรรม" ได้ยิน เข้าใจ แต่เดี๋ยวนี้ เป็นเราหรือเป็นธรรม? จนกว่าจะเป็นธรรม
~ จะไปทำ “ละ” จะไปทำ “วาง” ไม่มีทางสำเร็จ เพราะว่าต้องรู้ว่าขณะนี้เอง เข้าใจเท่าไหร่ ค่อยๆ เริ่มที่จะละและวางการยึดถือสภาพธรรมและความติดข้อง ไม่มีหนทางอื่นเลย
~ ได้ฟังแล้วไตร่ตรองแล้วค่อยๆ เข้าใจ จนขณะที่เข้าใจนั้นละ วาง หนทางผิดทีละน้อย
~ ความไม่รู้ทั้งหมดนำมาซึ่งความไม่ดีทั้งหมด
~ เขาว่าเราเมื่ออาทิตย์ก่อน ก็ยังคิดถึง ยังโกรธ มีอะไรที่ดีบ้าง? ความโกรธดีไหม? ความไม่รู้ดีไหม? ไม่มีอะไรเลย ก็เก็บขยะไว้ โกรธต่อไป มีแต่ขยะทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่าเป็นขยะ จึงเก็บไว้ๆ แล้วก็เพิ่มอีกๆ
~ ชีวิตประจำวัน รู้ได้เลย ไม่มีเรา ใครว่าเรา ว่าใคร? ไม่มีเรา ได้ยินดับแล้ว คิดดับแล้ว ไร้สาระที่จะไปกังวลถึงสิ่งที่ไม่มีแล้ว และก็ยังมาเกิดโทษคือความขุ่นเคืองใจต่างๆ นี่เป็นการรู้ความจริงว่าสภาพธรรมทั้งหมดเกิดแล้วดับหมดไม่เหลือเลย
~ ใครว่าเรา ใครโกรธเรา เขาไม่ดีใช่ไหม? อกุศลใช่ไหม? อกุศลเป็นความไม่ดี เขาว่าเรา ถ้าเราโกรธเขา เราไม่ดีทันที แต่ถ้าเขาว่าไป แต่เราไม่เดือดร้อน เราก็ไม่มีความไม่ดีที่จะไปเดือดร้อนตามที่เขาว่า สบายไหม? ค่อยๆ ละ เพราะรู้
~ เห็นโทษว่าอกุศลแม้เพียงเล็กน้อยขณะเดียว น้อยสักเท่าไหร่ แต่น้อยนี่แหละ ทีละนิดทีละหน่อยๆ จนมากมหาศาลปรากฏให้รู้ว่าทำไมมากมายอย่างนี้ไม่มีวันจบ คิดแล้วคิดอีก ไม่เลิกคิดสักที ในเรื่องอกุศลทั้งหลาย เห็นโทษจริงๆ เพราะความไม่รู้ จึงทำให้เป็นอกุศลด้วยความไม่รู้
~ การที่เราช่วยสงเคราะห์อนุเคราะห์ให้คนอื่นได้มีโอกาสเข้าใจพระธรรมจะโดยการพิมพ์หนังสือ จะโดยการช่วยเหลือประการใดๆ ทั้งสิ้นก็ตาม ที่ให้เขาได้เกิดปัญญา ย่อมเป็นกุศลที่ยิ่งกว่าการที่เพียงให้เขาได้รับความสะดวกสบายโดยที่ไม่ได้มีความเข้าใจธรรม
~ ใครเป็นมิตร ใครไม่ใช่มิตร? ถ้าเป็นมิตร ต้องพูดความจริง ไม่ใช่พูดสิ่งที่ไม่จริง
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๖
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...