โลกร้อนมานานแสนนานแล้ว
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านอาจารย์ ยุคนี้สมัยนี้ได้ยินคำว่า “โลกร้อน” ใช่หรือไม่ เพิ่งเริ่มร้อน หรือว่าร้อนมานานแสนนานแล้ว
ผู้ฟัง ร้อนมานานแสนนานแล้ว
ท่านอาจารย์ เห็นหรือไม่ นี่คือความหมายของพระพุทธศาสนา กับความหมายของชาวโลก ชาวโลกนั้นเหมือนกับว่า โลกเพิ่งจะเริ่มร้อน เพราะไม่รู้จักโลก แต่ทางธรรม แต่ไหนแต่ไร โลกก็ร้อนเพราะ โลภะ โทสะ โมหะ เพราะอกุศลทั้งหลาย
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ถ้ามีความเข้าใจธรรมจริงๆ ทุกอย่างเป็นธรรม แต่เพราะไม่เข้าใจ แม้แต่คำที่ใช้กันอยู่ ก็เข้าใจต่างๆ กันไป ถ้ามีความเข้าใจจริงๆ “โลก” คือ สภาพธรรมซึ่งเกิดดับ เกิดแล้วดับไป ไม่ว่าจะเป็นรูป หรือความรู้สึก ความจำ การนึกคิดทั้งหมด เกิดเพราะมีปัจจัย แล้วก็ดับไป ไม่เหลือเลย ไม่กลับมาอีกเลย แต่เวลาไม่รู้ความจริงอย่างนี้ ร้อนหรือไม่ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วก็หวังจะให้สิ่งนั้นเป็นอย่างนั้นด้วย
เพราะฉะนั้นโลกร้อนแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เพราะเหตุว่าเป็นสภาพธรรมที่เกิดดับแล้วไม่รู้ตามความเป็นจริง เวลาที่ร้อน ทุกคนกำลังเดือดร้อนใช่หรือไม่ จะทำอย่างไรให้เย็นลง หาวิธีต่างๆ ขอยกตัวอย่างห้องนี้ ก็เย็นขึ้น เพราะแต่ก่อนร้อนกว่านี้
นี่เป็นเพียงส่วนเล็กน้อย แต่ส่วนในใจจริงๆ ของทุกคนไม่อยากเผชิญกับความร้อน คิดว่าเป็นสิ่งที่ทนไม่ได้ แต่ลองคิดดู ถ้าไม่มีจิต ไม่มีใจ ไม่มีความต้องการใดๆ จะเดือดร้อนกับภาวะซึ่งคนอื่นกำลังวิตกกังวล หรือไม่
เพราะฉะนั้นร้อนจริงๆ ไม่ใช่ความร้อนของโลก หรือของวัตถุ แต่ต้องเป็นความร้อนเพราะความไม่รู้ความจริงของสภาพธรรม ซึ่งไม่ใช่เราเลย เกิดมาในขณะนี้ เห็นแล้วก็หลงว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ร้อนหรือไม่ ขณะที่หลง แต่ไม่รู้สึกเลยใช่หรือไม่ แต่กำลังไปเดือดร้อนกับโลกร้อน แล้วก็คิดว่า เป็นคำใหม่ แล้วก็คิดว่าเป็นสภาวะของโลกใหม่ แต่ความจริง โลกจริงๆ หมายความถึงสภาพธรรมที่เกิดดับ และโลกที่ทุกคนเป็นห่วงว่าร้อนมาก จะไม่ร้อนได้หรือไม่ เมื่อไรคะ เมื่อมีปัญญารู้ความจริงจนกระทั่งสามารถดับอกุศลธรรมได้
เพราะฉะนั้นทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับปัญญา
เชิญฟัง ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ