ดับอวิชชาได้ สังขารก็ไม่เกิด แปลว่า ...

 
suthon
วันที่  4 ก.ย. 2550
หมายเลข  4735
อ่าน  2,586

ดับอวิชชาได้ สังขารก็ไม่เกิด แปลว่าไม่มีความคิดปรุงแต่งเลยหรือ ผมรู้สึกแปลกใจว่า ผู้สิ้นกิเลสแล้ว จะไม่มีความคิดปรุงแต่งเลยหรือครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 5 ก.ย. 2550

ตามหลักคำสอนเรื่องปฏิจจสมุปบาท คือ เพราะอวิชชาดับ สังขารจึงดับ คำว่าสังขารในที่นี้หมายถึงเจตนา ที่เป็นบุญหรือบาป (ปุญญาภิสังขาร อปุญญาภิสังขาร) ดังนั้นผู้ดับอวิชชาได้แล้ว คือพระอรหันต์ เป็นผู้สิ้นอาสวะกิเลสทั้งปวงแล้ว จิตของพระอรหันต์ ย่อมไม่มีการปรุงแต่ง เป็นบุญและบาป แต่จิตของท่าน มีการปรุงแต่ง ประเภทกิริยา (อัพยากตะ) คือท่านยังมี การเห็น การได้ยิน การรู้กลิ่น การรู้รส การกระทบสัมผัส และความคิดนึกปรุงแต่งเหมือนบุคคลทั่วไป แต่ไม่เป็นบุญและบาป (กุศลหรืออกุศล)

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 5 ก.ย. 2550

พระอรหันต์ ดับกิเลสหมดเป็นสมุจเฉท พระอรหันต์ มีเห็น มีคิดนึก แต่ไม่มีโลภะ คือความยินดีในการเห็นรูปสวยๆ จิตท่านไม่เป็นกุศล หรืออกุศล มีแต่กิริยา และวิบากเท่านั้นค่ะ ถึงแม้ว่าท่านจะแสดงธรรม ก็ไม่เป็นกุศล เป็นกิริยาจิต และวิบากจิต ท่านแสดงธรรมเพื่อสืบทอดศาสนา และเพื่อประโยชน์แก่ชนทั้งหลายค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
แล้วเจอกัน
วันที่ 6 ก.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สังขาร มีหลายความหมาย ในปฏิจจสมุปบาท สังขาร หมายถึง เจตนาที่เป็นกรรม ซึ่งเป็นกุศลหรืออกุศล ตราบใดที่ยังมีความไม่รู้ คือไม่ใช่พระอรหันต์ จิตก็ย่อมเป็นไปใน

กุศลหรืออกุศลบ้าง แต่เมื่อดับความไม่รู้หมด (พระอรหันต์) เจตนาที่เป็นกรรม หรือจิตของท่าน ย่อมไม่เป็นไปทั้งอกุศลและกุศล แต่เป็นกิริยาจิตเท่านั้นครับ ดังนั้น สภาพธรรมที่ปรุงแต่ง ก็คือ เจตสิก พระอรหันต์ก็ยังมีสภาพธรรม ที่ปรุงแต่งคือ เจตสิกที่เกิดกับจิตอยู่ แต่ไม่เป็นไปในกุศลหรืออกุศลนั่นเองครับ

ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
aurasa
วันที่ 22 มี.ค. 2554

อนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nopwong
วันที่ 7 ส.ค. 2556

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 4 ก.ค. 2566

ยินดีในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ