เครื่องกั้น

 
nattawan
วันที่  27 ก.พ. 2567
หมายเลข  47518
อ่าน  192

ตอนที่ ๒๔๒

สนทนาธรรมที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พ.ศ. ๒๕๔๕

ผู้ฟัง พูดถึงสิ่งที่เป็นเครื่องกั้น เป็นเครื่องขัดขวาง ไม่สามารถจะไปจาก สังสารวัฏฏ์ได้

มันเป็นเรื่องราวทั้งหมดเลย ถามว่าสิ่งทั้งหลายที่เราเรียนมา จะมาเกื้อกูลกับเรื่องขณะเดี๋ยวนี้ได้อย่างไร

ท่านอาจารย์ พูดเท่าไร คือมาลงที่เป็นสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ มีจริงๆ เดี๋ยวนี้ที่เป็นธรรม

ผู้ฟัง ถ้าฟังแค่นี้ รู้สึกว่าไม่ค่อยจะหนักอกหนักใจเท่าไร

ท่านอาจารย์ ไม่ แค่นี้ไม่พอ ความละเอียดมีอีกมาก เพื่อเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้เวลาเห็น แล้วก็มีความเข้าใจอย่างนั้นได้

ผู้ฟัง เวลานี้ เห็น จะบอกว่าติด ก็ไม่ติด เห็นก็คือว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ เป็นอารมณ์เฉยๆ พอเรียนถึงเรื่องอกุศลเจตสิก ๑๔ มันก็เลยไม่เกี่ยวข้องกับขณะที่กำลังพูดถึงคำว่ากำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ ขณะนี้

ท่านอาจารย์ เพราะเหตุว่าการที่ได้ฟังว่า เป็นสิ่งที่ปรากฏ กับการรู้ว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏ ห่างไกลกันไหม เพียงฟังว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏแล้วเข้าใจ ประการที่ว่าเมื่อสติเกิด ก็รู้ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ ๒ ตอนนี้ห่างกันไหม

ผู้ฟัง ต้องห่างกันแน่

ท่านอาจารย์ นั่นคืออาศัยการฟังแล้วฟังอีก จนกว่าจะเป็นสังขารขันธ์ พอที่จะให้ไม่ยึดถือสิ่งที่ปรากฏว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด นอกจากเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏ หลังจากนั้นก็เป็นการคิดนึก คล้ายๆ กับว่าสิ่งที่มีอยู่ ทำอย่างไรถึงจะได้มาปรากฏ ทำอย่างไรถึงจะได้รู้ได้เข้าใจ แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลย ฟังอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไรก็ได้ เพื่อที่จะให้เป็นการปรุงแต่ง ให้เวลาเห็น แม้ขณะนี้ ก็เป็นเพียงสิ่งที่กำลังปรากฏ ค่อยๆ ระลึกได้ ค่อยๆ จำได้ เป็นสัญญาความจำที่มั่นคงขึ้นว่า ขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏเท่านั้น ถ้าเราไม่ใส่ใจ ก็มีเสียงแล้ว ใช่ไหม ถ้าเราไม่ใส่ใจสักอย่าง สภาพธรรมเขาก็ปรากฏตามความเป็นจริงของเขาอย่างนั้น แต่เพราะความใส่ใจมากั้นมาขวาง ก็มีเรื่องมีราว มีความจำในสิ่งนั้นต่างๆ แล้วเวลาเสียงปรากฏก็ไม่เคยรู้ว่า เป็นเพียงสภาพธรรมที่เหมือนกับสิ่งที่ปรากฏทางตา คือ มีจริงแล้วก็ปรากฏ แต่ปรากฏทางหู คนละลักษณะกับสิ่งที่ปรากฏทางตา ธรรมก็ต้องเป็นอย่างนี้ จะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นี่ขั้นฟัง แต่การที่จะรู้จริงๆ ไม่ใช่เพียงขั้นฟัง ก็มีหนทางว่า เพราะขณะนั้นมีสติสัมปชัญญะเกิด รู้ตามคือรู้อยู่ที่ลักษณะนั้นทีละอย่างๆ จนกว่าจะทั่ว จนกว่าปัญญาจะรู้เพิ่มขึ้น ไม่มีวิธีอื่น

ผู้ฟัง หลังจากที่รู้ความจริงแล้วก็กลับเป็นปกติอย่างที่ไม่มี

ท่านอาจารย์ รู้ความจริงนั้นคือเมื่อไร ขณะไหน

ผู้ฟัง ขณะที่สติปัฏฐานเกิด

ท่านอาจารย์ ขณะที่สติปัฏฐานเกิดก็ธรรมดา

ผู้ฟัง แล้วสติปัฏฐานก็ดับไป สิ่งที่เป็นเรื่องราวบัญญัติก็สืบต่อ

ท่านอาจารย์ สติปัฏฐานเกิดรู้หรือเปล่าว่า ขณะนั้นก็เป็นสภาพธรรมที่คิด

ผู้ฟัง อันนี้ยังไม่เกิด

ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้น ต้องทั่ว ไม่ว่าอะไรทั้งหมดที่เราไม่เคยรู้ เคยเป็นเราอย่างรวดเร็วสืบต่อกัน ความรู้ก็จะค่อยๆ แทรก ค่อยๆ คั่นว่า ลักษณะแต่ละอย่างเป็นธรรมอย่างไร แล้วเวลาที่สติเกิด เขาก็ระลึกตามปกติ แล้วก็มีลักษณะนั้นปรากฏตามปกติ ให้รู้เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง

เชิญฟังเพิ่มเติม

ปกิณณกธรรม ตอนที่ 242

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ