ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ร่วมสนทนาธรรมในวันมาฆบูชา ที่ มศพ. ๒๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗

 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่  28 ก.พ. 2567
หมายเลข  47528
อ่าน  1,466

เมื่อวันเสาร์ที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗ ที่ผ่านมา ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ได้เดินทางไปร่วมในการสนทนาธรรม ที่ทางมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนาจัดขึ้น เนื่องในโอกาสวันมาฆบูชา ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ซอยเจริญนคร ๙๘ แขวงดาวคะนอง เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร ระหว่างเวลา ๙.๐๐ น. - ๑๒.๐๐ น.

การจัดการสนทนาธรรมครั้งนี้ เป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งที่ ๒ หลังจากที่การสนทนาธรรม ณ มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่ปรกติจะมีการสนทนาธรรมในทุกๆ วันเสาร์ วันอาทิตย์ และวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ได้ถูกระงับไปชั่วคราว เนื่องจากวิกฤตการณ์ของ โรคโควิด-๑๙ (ครั้งแรกที่จัดขึ้น คือ การสนทนาธรรมที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงท่านพลเอก สพรั่ง กัลยาณมิตร เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม ที่ผ่านมา (คลิกอ่านที่ลิงก์นี้ : ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ร่วมในการสนทนาธรรม รำลึกถึง พลเอก สพรั่ง กัลยาณมิตร ๒๖ ม.ค. ๒๕๖๗ )

อนึ่ง เนื่องจากพื้นที่จอดรถภายนอกมูลนิธิฯ ที่เดิมเคยมีผู้ให้บริการจอดรถ นั้น ปัจจุบันไม่มีการให้บริการแล้ว คงมีเพียงที่จอดรถด้านหน้าอาคารมูลนิธิฯ ซึ่งมีพื้นที่จอดรถได้เพียงไม่กี่คันเท่านั้น การจะเดินทางไปร่วมในการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ นับแต่นี้ไป จึงควรสอบถามหรือคอยติดตามการประกาศก่อนที่จะมีการสนทนาธรรมว่า หากจำเป็นต้องนำรถส่วนตัวไป จะสามารถจอดในที่ๆ มีการให้บริการที่จอดรถในบริเวณใกล้เคียงโดยรอบได้ที่ไหนบ้าง หาไม่แล้วอาจเกิดการเสียเวลามากและอาจทำให้การจราจรภายในซอยเจริญนคร ๗๘ ซึ่งค่อนข้างแคบและโดยปกติหากต้องเดินรถสวนทางกัน ต้องมีการหลบหลีกกันด้วยความระมัดระวังอยู่แล้ว หากนำรถเข้าไป อาจเกิดวิกฤตการจราจรติดขัดในซอยจนอาจต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะมีการขยับขยายกันไปได้

ข้อความบางตอน จากการสนทนาธรรม เนื่องในโอกาสวันมาฆบูชา ปีพุทธศักราช ๒๕๖๗

ท่านอาจารย์ : ทุกคนได้ยินคำว่า "วันสำคัญ" สำคัญแค่ไหน? สำคัญระดับไหน? เพราะเหตุว่า วันสำคัญก็คงจะมีหลายวัน แต่วันสำคัญทั้งหมด ไม่ใช่วันที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ ทรงแสดงพระธรรม และมีผู้ที่ได้ฟังพระธรรมแล้ว ได้มาเฝ้าพระองค์ เรื่องประวัติของแต่ละวันก็มีทั้งนั้นเลย ว่าวันนี้เราอยู่ตรงนี้ ใครอยู่ที่ไหน ทั้งโลก

เพราะฉะนั้น เราก็คงจะไม่กล่าวถึงวัน แต่กล่าวถึงสิ่งที่สำคัญกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุด..ในชีวิต ... ลองคิดดู..ในสังสารวัฏฏ์ ... ก่อนได้ฟังพระธรรม วันไหนสำคัญ? วันเกิดหรือ? หรือวันไหนสำคัญ? แต่ละคนก็มีวันสำคัญของตัวเอง แต่ "วันสำคัญสำหรับทุกคนในสากลจักรวาล" ไม่ใช่เฉพาะสำหรับพวกเราเท่านั้น แต่วันสำคัญนั้น เป็นวันที่ เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วทรงแสดงพระธรรม ตลอดจนถึงวาระสุดท้าย วันสุดท้าย วันที่ดับขันธปรินิพพาน ไม่มีอะไรที่จะเกิดต่อไปได้เลย

เพราะฉะนั้น วันสำคัญ ถ้าเราไม่คิด สำคัญจริงหรือเปล่า? วันสำคัญในสังสารวัฏฏ์ คือ วันที่มีโอกาสได้ฟังคำ ที่ทำให้มีความเข้าใจ ในสิ่งที่กำลังมี!! ซึ่งก่อนนั้น ไม่มีใครสามารถที่จะรู้ความจริงของทุกวัน ทั้งวัน!! แต่ละหนึ่งขณะ ได้

แต่นี่ ไม่ว่าจะวันไหน เมื่อมีความเข้าใจถูกต้อง ก็รู้ว่า วันที่ประเสริฐที่สุดคือ วันเริ่มที่จะได้มีความเห็นที่ถูกต้อง ในความจริง เพราะว่าอยู่มาทุกวันในชาตินี้ และในชาติก่อนๆ ในสังสารวัฏฏ์ ก็ไม่ได้รู้ความจริง ไม่รู้ด้วย ว่าความจริงคืออะไร อะไรเป็นความจริง แล้วจะไปรู้ความจริง ได้อย่างไร?

แต่เมื่อรู้ว่า ความจริงคืออะไร วันนั้นสำคัญไหม? เป็นวันสำคัญที่สุด ที่ได้มีการเริ่มได้ยินได้ฟัง และสะสมประโยชน์ ที่รู้ว่า ประโยชน์ที่สุด ในแต่ละขณะ ไม่ใช่เพียงแค่ทุกวัน ในแต่ละขณะ คือขณะที่สามารถรู้ความจริง ของสิ่งที่มีจริงๆ ปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะ เดี๋ยวนี้ก็มีจริง!! นี่เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด

แต่ว่า แสนยาก เพราะว่า ถ้าไม่รู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ยินเพียงชื่อ แต่ไม่รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ พระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาคุณ มิฉะนั้น สัตว์โลกไม่มีการที่จะได้รู้ความจริง ซึ่งเดี๋ยวนี้จริง ก็ยังไม่รู้ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์ ด้วยเหตุนี้ การที่จะรู้ว่า วันไหนสำคัญ ขณะไหนสำคัญ ก็คือ ขณะที่ได้เข้าใจความจริง ของสิ่งที่มีจริง

คิดเองได้ไหม? ไม่มีทางเลย!! คิดจนตายทุกชาติ ได้ไหม? ก็ยังไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น คุณที่สูงสุดที่ไม่มีใครเปรียบได้เลย คือ คุณของผู้ที่ตรัสรู้ความจริง และทรงแสดงความจริง ให้คนอื่นได้เริ่มรู้ความจริง สำคัญไหม? ประเสริฐที่สุดไหม? เป็นรัตนะที่สูงยิ่ง ที่ ทุกคำของพระองค์ สามารถที่จะให้คนอื่นได้มีความเข้าใจความจริง ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน

เพราะฉะนั้น ทุกครั้ง ทุกขณะ ก็สามารถที่จะเห็นความสำคัญของขณะที่เข้าใจธรรม "เข้าใจ" หมายความว่า แต่ก่อนนี้ไม่เคยรู้ จึงไม่สามารถที่จะเข้าใจ "เดี๋ยวนี้" ตามความเป็นจริงได้ ไม่ใช่แล้วเข้าใจอะไร ไปหาว่าเข้าใจอะไร ไม่เข้าใจอะไร ก็เดี๋ยวนี้แหละ เข้าใจหรือเปล่า? และ ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะสามารถเข้าใจได้ไหม?

เพราะฉะนั้น ทุกคำที่มีโอกาสได้ฟัง จงฟัง!! จงใส่ใจให้ดี!! คำที่พระองค์ตรัส ไม่ใช่ให้คิดเรื่องอื่น แต่ต้องคำที่พระองค์ตรัสทุกคำ เพราะเป็นคำที่ประเสริฐที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริง ตรงตามความเป็นจริง จนสามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ แค่นี้ สั้นๆ ใส่ใจให้ดีหรือยัง?


ขอเชิญติดตามชมและฟังบันทึกการสนทนาในครั้งนี้ ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง :








  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ไพรศรี
วันที่ 28 ก.พ. 2567

อนุโมทนา สาธุครับ.

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
namarupa
วันที่ 28 ก.พ. 2567

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
swanjariya
วันที่ 28 ก.พ. 2567

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
มังกรทอง
วันที่ 29 ก.พ. 2567

กราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
chatchai.k
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ