ทุกข์จริงๆ มาจากกิเลสทั้งหลาย

 
nattawan
วันที่  2 มี.ค. 2567
หมายเลข  47560
อ่าน  265

ทุกข์จริงๆ มาจากกิเลสทั้งหลาย

นี่ก็จะน่าจะเห็นภัยของชีวิตที่คิดว่าสนุกเหลือเกิน สบายมาก และก็มีความสุข แต่แท้ที่จริงแล้วภัยของชีวิตมีทุกขณะ แต่ถ้าจะพิจารณาให้ละเอียดกว่านั้นอีก นอกเสียจากลมหายใจเข้าออก หรือมหาภูตรูป กพฬีการาหาร ไออุ่น และวิญญาณ สภาพที่ทำให้ต้องเกิดอีกนั้นมีอยู่อย่างเดียว คือ กิเลสทั้งหลาย ถ้าดับกิเลส จะดับทุกข์ทั้งหมด ไม่ต้องลำบาก หรือว่าเห็นภัยต่างๆ ของชีวิต เพราะเหตุว่าไม่ต้องเกิด ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องได้ยิน ไม่ต้องลำบาก ไม่ต้องทุกข์ยาก ไม่ต้องวิตก ไม่ต้องกังวลใดๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรม มิฉะนั้นแล้วก็ไม่สามารถเห็นภัยของกิเลสได้เลย เพราะเหตุว่าทุกคนที่มีความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ ไม่เบื่อ ไม่มีการที่จะเบื่อรูป เบื่อเสียง เบื่อกลิ่น เบื่อรส เบื่อโผฏฐัพพะเลย

ทุกข์จริงๆ มาจากกิเลสทั้งหลาย

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

ชาตินี้เป็นชาติก่อนของชาติหน้า อีกไม่นานก็จะถึงชาติหน้า อยากเป็นอย่างไร มีกุศลมากๆ หรือมีอกุศลมากๆ ชาตินี้มีอกุศลมากและไม่ขัดเกลา แล้วหวังว่าชาติหน้าจะมีกุศลมากๆ และมีอกุศลน้อยๆ ได้อย่างไร เพราะเหตุไม่สมควรกับผล

จึงควรขัดเกลาตนเองตั้งแต่ชาตินี้ เพื่อที่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องคิดเสียดายว่า ชาติก่อนน่าจะทำกุศลมากๆ

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

วันๆ รู้ไหมว่าตั้งแต่เช้าเต็มไปด้วยอกุศล เพราะขณะใดที่ไม่เป็นกุศล (ทาน ศีล ภาวนา) ขณะนั้นเป็นอกุศล

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

ขณะที่ติเตียนอกุศลของคนอื่นนั้น
ไม่ได้สังเกตว่าขณะนั้นเป็นอกุศลของตนเอง

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

ฉลาดในวาระจิตของตน เปรียบเสมือนสตรีส่องดูใบหน้าของตนในกระจก เมื่อเห็นธุลีหรือจุดดำ ก็พยายามขจัดออก

ฉันใดฉันนั้น บัณฑิตเมื่อเห็นกิเลสเกิดขึ้นในจิต ย่อมพยายามละบาปอกุศลนั้น โดยมีพระธรรมเป็นกระจกส่องให้เห็นถึงกิเลสและหนทางแห่งการละ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

หนทางเดียวที่จะค่อยๆ ละคลายอวิชาให้เบาบางลงได้ คือ การศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง สะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ไม่ละทิ้งโอกาสสำคัญในชีวิต นั่นก็คือ การฟังพระธรรม ขณะที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นก็จะค่อยๆ ละคลายอวิชชาไปตามลำดับ เพราะไม่มีอะไรที่จะมีค่าเท่ากับเกิดมาแล้วได้เข้าใจธรรม

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567

รู้สึกหดหู่ใจ เมื่อรู้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา
kukeart
วันที่ 1 มี.ค. 2559

ผมรู้สึกเศร้า รู้สึกหมดความกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งต่างๆ ในชีวิต หลังจากที่ได้รับฟังธรรมะ ที่มีเนื้อหา เกี่ยวกับ "การไม่มีเรา มีแต่ธรรมะที่ปรากฏ" ผมไม่รู้จะดิ้นรนขวยขวายให้เหนื่อยทำไม ในเมื่อทำไปก็เพื่อสนองความต้องการให้ตัวเอง เป็นการสร้างอกุศลแก่ให้จิต ตอนนี้ ผมคิดแค่ว่า ใช้ชีวิตเพื่อชดใช้กรรมไปวันๆ ฟังแต่ธรรมะ ระวังอกุศลมากขึ้น รู้สึกชีวิตโหวงๆ หดหู่ใจบ่อยๆ ผมควรทำอย่างไรดี ครับ ให้กลับมามีพลังในการใช้ชีวิต เหมือนเมื่อก่อน ก่อนที่รับฟังธรรมะครับ

khampan.a
วันที่ 2 มี.ค. 2559 03:57 น.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ตั้งต้นด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ เป็นธรรมดาที่อกุศลจิตจะเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ตราบใดที่ยังไม่สามรถดับกิเลสอะไรๆ ได้เลย แต่ความเข้าใจพระธรรมจะช่วยให้ค่อยๆ ขัดเกลายิ่งขึ้นได้ เมื่อมีความเข้าใจถูกเห็นถูกขึ้น เห็นโทษของอกุศล เห็นคุณของกุศล จึงไม่มีใครสามารถทำลายหรือขจัดอกุศลของตนเองได้เลย นอกจากตนเองจะเป็นผู้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมให้เข้าใจแล้วปัญญาจะทำให้มีการขัดเกลากิเลสยิ่งขึ้น เป็นไปได้ด้วยปัญญาจริงๆ ความเข้าใจพระธรรม จะนำพาชีวิตไปสู่ทางที่ดี ที่ถูกที่ควรยิ่งขึ้น เพราะขณะที่เข้าใจ ขณะนั้น ไม่ทุกข์ ไม่เดือดร้อน ไม่หดหู่ ครับ

รู้สึกหดหู่ใจ เมื่อรู้ว่า ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเรา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
nattawan
วันที่ 2 มี.ค. 2567
 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ