พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อให้สวดมนต์

 
nattawan
วันที่  8 มี.ค. 2567
หมายเลข  47586
อ่าน  185

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีเพื่อให้สวดมนต์ แต่เพื่อให้เข้าใจความจริง ทุกครั้งที่ฟังพระธรรม สามารถระลึกถึงพระปัญญาคุณของพระองค์ได้

สนทนาธรรมที่ รร.เอเชี่ยน หาดใหญ่ จ.สงขลา บ่าย ๘ มี.ค. ๕๙

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 8 มี.ค. 2567

เข้าใจเมื่อไหร่ เป็นปัญญาเมื่อนั้น มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง เพื่อให้เข้าใจธรรม เพื่อดับกิเลส

อ่านเพิ่มเติม ...

ปัญญาเป็นเครื่องรักษาตน

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 8 มี.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขณะที่พยาบาท เกิดขึ้น ซึ่งก็คือ ความโกรธ ความไม่พอใจ นั้นเอง (โทสเจตสิก) ย่อมไม่สบายใจ กระวนกระวายเดือดร้อน ไม่เป็นสุข ขึ้นชื่อว่าความโกรธแล้วไม่ดีเลย ไม่ว่าจะเกิดกับใครก็ตาม เพราะเป็นอกุศลธรรม เป็นธรรมที่มีโทษ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงโดยเฉพาะในส่วนที่จะเป็นไปเพื่อการระงับความโกรธหรือความพยาบาทนั้น พระองค์ทรงแสดงเพื่อให้มีเมตตา ความเป็นมิตร ความเป็นเพื่อน ความหวังดีต่อเขา, กรุณา เห็นใจเขา สงสารเขา, อุเบกขา ความเป็นกลาง ไม่หวั่นไหวไปด้วยอำนาจของอกุศลในบุคคลเหล่านั้น
ธรรมดาของบุคคลผู้ยังเป็นปุถุชนเต็มไปด้วยกิเลส ก็ย่อมจะมีทั้งดีและไม่ดี แม้แต่ตัวเราเองก็เช่นกัน ก็มีทั้งดีทั้งไม่ดี เวลาเราทำผิดทำไม่ดี ก็อยากให้คนอื่นเขาเห็นใจ เข้าใจและให้อภัย แต่เวลาคนอื่นทำผิด ทำไม่ดี เราลืมตรงนี้ไปหรือเปล่า?
ชีวิตไม่ได้ยืนยาวเลย คนที่เราโกรธและเราผู้ที่โกรธเขา ในที่สุดแล้วก็จะต้องละจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากความตายไปได้เลย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ควรอย่างยิ่งที่จะเห็นประโยชน์ของกุศลธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะเป็นไปเพื่อการขัดเกลากิเลสและดับกิเลสได้ในที่สุด ไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 8 มี.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ความเป็นจริงของธรรมไม่เปลี่ยนแปลงเป็นจริงอย่าไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น ขณะลิ้มรส เป็นวิบากจิต ขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นผลของกรรมใดที่เป็นอกุศลกรรม หรือ กุศลกรรม ถ้าถึงคราวที่กุศลกรรมให้ผล ขณะที่ลิ้มรส ก็ได้ลิ้มรสที่น่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจ แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรม ก็ทำให้ได้ลิ้มรสที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าใคร่ไม่น่าพอใจ โดยไม่มีใครทำให้เลย หลังจากนั้น ถ้าชอบ ติดต้องต้องการ ก็เป็นอกุศล ที่เป็นไปกับโลภะ แต่ถ้าไม่ชอบ ไม่พอใจในสิ่งนั้น ก็เป็นอกุศลที่เป็นไปกับโทสะ ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่มีจริงๆ ในชีวิตประจำวัน เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เฉลิมพร
วันที่ 9 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 1 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ