เดี๋ยวนี้มีไหม? อะไรเป็นธรรมะเดี๋ยวนี้?
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ค่อยๆ คิดว่าสิ่งที่มีจริงนั้นคืออะไร ... มั่นคงไหม? แค่เข้าใจทุกคำที่พูดแล้ว ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง ... แค่นี้หาให้เจอ จะได้มั่นใจว่าสิ่งที่เรากล่าวแล้วคือ "ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง"
ธรรมะคือสิ่งที่มีจริง เดี๋ยวนี้มีไหม? อะไรเป็นธรรมะเดี๋ยวนี้? สิ่งที่มีจริง ... จริงเพราะกำลังมี ... จริงไหม? ต้องมั่นคง!!
ไม่ได้ฟังธรรมะแต่คิด เพราะฉะนั้นฟังไม่ใช่คิด สิ่งที่มีจริง ... ไม่ต้องคิดใช่ไหม ... เดี๋ยวนี้ก็มี ... เข้าใจธรรมะไหม? คิดตลอดจากคำที่ได้ฟังคำเดียว เพราะฉะนั้นฟังแล้วคิดถึงสิ่งที่ได้ฟังเท่านั้น ไม่ได้ให้ไปคิดเองนู่นนี่นั่น แต่คำถามว่าอะไรจริง? มีจริงหรือเปล่า? จริงเมื่อไหร่? จะได้มั่นคงว่าเรากำลังพูดถึงสิ่งที่กำลังมีจริงๆ ให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่มี ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อน ... ไม่ไปอื่น!!
ฟังแล้วเข้าใจสิ่งที่ฟัง หรือคิดถึงสิ่งที่ฟัง?? เพราะคิดจึงไม่ได้เข้าใจสิ่งที่ฟัง คิดยาว พอพูดถึงเสียงก็ไปนู่น ... อะไรต่ออะไร ... ไม่ใช่กำลังพูดถึงสิ่งที่มีจริงอะไรบ้าง ... จะได้มั่นคงว่าสิ่งที่มีจริงมีจริงไหม? อะไรจริง? จริงระดับไหน? ... ยากไหม
อะไรจริง?? รู้ไหมว่าจริงคืออะไร?? คำนี้คำเดียวเข้าใจแค่ไหน?? ... อะไรจริง ... ไม่ง่าย ต้องคิดเป็น ตั้งต้นการฟังต้องคิดต้องไตร่ตรอง ไม่มีทางเลยถ้าไม่คิดไม่ไตร่ตรองให้ละเอียดแล้วเราจะเข้าใจ แม้สิ่งที่มีจริงๆ ยังหาไม่เจอ เพราะไม่เคยคิดเรื่องอย่างนี้!!
ตั้งแต่ต้นเริ่มคิดให้ตรง!! เราไม่เคยคิดอย่างนี้ คิดแต่อย่างอื่นตลอดชีวิต เกิดมาก็คิดนู่นคิดนี่ เพียงแค่ว่าอะไรจริงแค่นี้ต้องตรง ถ้าไม่มีความคิดที่ถูกต้องมาก่อน .. ตอบยากมาก ... ตอบไม่ได้เลยว่าอะไรจริง แต่ถ้าถามต่อว่าเดี๋ยวนี้จริงไหม? จริง ... เริ่มรู้ ... แนะให้คิดว่าอะไรจริง ... จะไปหาที่ไหน ... จะไปเอาอะไรมารู้ ... เดี๋ยวนี้จริงไหมเพราะฉะนั้นอะไรจริง ... สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้!!!
เริ่มมั่นคง หัดคิด ทำไมจริง? ต้องไตร่ตรองเป็นความคิดของตนเอง ที่จริงเพราะกำลังมีจริงแต่ละหนึ่ง ความลึกซึ้งเริ่มตั้งแต่ไม่มีใครรู้ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง ไม่รู้อะไรเลยทั้งสิ้นอยู่ในความมืดสนิท เดี๋ยวนี้สิ่งที่มีจริงกำลังมีแน่ๆ เพราะกำลังเป็นเดี๋ยวนี้ แต่เราหาไม่เจอ เพราะเดี๋ยวนี้มันเยอะ มันทีละหนึ่ง ทีละหนึ่ง ทีละหนึ่งของเดี๋ยวนี้ ... เดี๋ยวนี้มันไม่ได้อยู่ตลอดกาล แค่หนึ่งเดียวนี้แล้วก็เปลี่ยนเป็นหนึ่งอีกเดี๋ยวนี้ๆ ถ้าไม่มีการฟังพระธรรม ... ไม่มีใครรู้ ... ต่อยังไงก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเห็นคุณของพระพุทธเจ้า ว่าความมืดแม้แต่คำถามธรรมดาอย่างนี้แล้วความจริงมีเดี๋ยวนี้แน่ๆ แต่ไม่รู้อะไรเลย เพราะเดี๋ยวนี้มันสั้นแค่ไหน?? ต้องทีละหนึ่ง เช่นเดี๋ยวนี้เห็นจะเป็นเดี๋ยวนี้ได้ยินพร้อมกันไม่ได้!! ต้องทีละหนึ่ง
เริ่มไม่ไปที่อื่นแล้วใช่ไหม!! นี่สำคัญที่สุดความจริงมันไม่ง่ายอย่างที่เราคิด ต้องไตร่ตรองทีละหนึ่งเดี๋ยวนี้!!
เดี๋ยวนี้จริงน่ะเกินความเข้าใจของเราว่าสั้นแค่ไหน!! ต้องทีละหนึ่ง ได้ยินก็ได้ยิน เห็นก็เห็น ... แค่เข้าใจก็ยากแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ประมาทเลย ว่าเราไม่ได้รู้อะไร ฟังเผินๆ ก็ไม่รู้อะไร ฟังเผินๆ ไม่มีทางรู้อะไรเลย เผินมาก ... ไม่ตรงกับคำถามที่จะให้เข้าใจคำตอบ ต้องทบทวนคำถามให้ตรงคำถามแล้วจึงตอบ จะทำให้เข้าใจขึ้นกับคำที่ได้ยินว่าถามอะไร? จริงหรือเปล่า? เดี๋ยวนี้เห็นใครจะปฏิเสธ เดี๋ยวนี้ได้ยินใครจะปฏิเสธ ... แต่มันพร้อมกันไม่ได้!!! เริ่มเห็นความลึกซึ้งว่าแม้แต่คำว่าเดี๋ยวนี้สั้นแสนสั้นทีละหนึ่ง แล้วใครจะรู้ถ้าพระพุทธเจ้าไม่ทรงแสดงว่าเดี๋ยวนี้คืออะไร เพราะฉะนั้นต้องฟังทุกคำและไม่ประมาทเลยว่าเป็นคำของใคร ของผู้ที่ตรัสรู้ความจริง ตั้งแต่เกิดมีเดี๋ยวนี้ไหม?? ทุกขณะเดี๋ยวนี้มีเดี๋ยวนี้ไหม ... แต่ไม่รู้อะไรเลย จึงต้องฟังเพื่อให้เข้าใจความจริงถึงที่สุดที่รู้ได้ แต่ไม่มีใครสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่าคืออะไรกันแน่ ... ใครรู้แน่ๆ ว่าเดี๋ยวนี้คืออะไร?? มีอะไร?? ตอบได้ไหม??
ขณะที่ขณะที่ได้ยินมีรูปไหม? มีรูป เป็นเสียง เป็นธรรมะที่ไม่ใช่เรา เสียงเป็นเสียง ต้องตรง มั่นคงขึ้น คิดละเอียดต่อไป ต้องคิดแล้วจะเป็นความเข้าใจของเรา ความเข้าใจถูกไม่ผิด แต่ถ้าเราคิดเอง ... ยาว ปริยัติรอบรู้คือเข้าใจครบถ้วนทุกประการ เริ่มได้ สะสมได้
เมื่อได้ยินปรากฏก็มีแต่ได้ยิน ... ได้ยินปรากฏหรือเปล่า? ได้ยินหรือเสียงปรากฏ? เสียงปรากฏ เมื่อไหร่ได้ยินปรากฏ? ความเข้าใจจะมั่นคงได้คือรอบรู้ ไม่ต้องรีบร้อนแต่มั่นคง ธรรมะลึกซึ้ง ถ้าไม่ลึกซึ้งไม่รู้จักธรรมะ
ขณะที่ได้ยิน สนใจแต่เสียงแต่ไม่สนใจสภาพรู้ที่ได้ยินเสียง ... ซึ่งยังไม่ปรากฏเพราะไม่รู้ ... เห็นไหมว่าลึกซึ้ง!!! ต้องตรงกับความจริง ไม่งั้นไม่พบภาวะที่เป็นจริง จะเข้าใจช้าหรือเร็ว สิ่งที่ได้ยินต้องไตร่ตรองว่าไกลหรือใกล้ ลึกซึ้งหรือตื้น การเข้าใจจริงๆ กับการรู้จักสิ่งนั้นจริงๆ ต่างกันหรือเหมือนกัน??? อยากข้ามไป ... ต้องละเอียด!!! ที่ได้ยินอยู่ตรงนี้ทั้งนั้นแต่ไม่รู้เลย
จิตเกิดขึ้นเป็นธาตุรู้ ถ้าจิตปรากฏจะสว่างอย่างนี้ไหม?? แค่นี้ก็ต้องคิดแล้ว เพราะฉะนั้นธรรมะต้องค่อยๆ คิด ค่อยๆ ไตร่ตรอง ค่อยๆ เข้าใจว่าความจริงเป็นอย่างไร และเป็นผู้ตรงว่าความจริงอย่างนั้นยังไม่ได้ปรากฏเพราะอะไร?? ผู้ที่ปรากฏเพราะอะไร?? ค่อยๆ ฟังไปแต่ละชาติ ค่อยๆ เข้าใจให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงความลึกซึ้ง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในความดีของทุกท่านค่ะ