พระโสดาบัน
ทำไม พระโสดาบัน จึงมีศีลบริบูรณ์ และ ไม่ไปเกิดในทุคติภูมิ ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ ๘๑๘
ปหีนสูตร (ว่าด้วยธรรมที่พระโสดาบันละได้แล้ว)
[๓๖๑] ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ อันบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิละได้แล้ว ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน คือ สักกายทิฏฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ ราคะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ โทสะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ โมหะที่เป็นเหตุไปสู่อบาย ๑ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้แล อันบุคคลผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิละได้แล้ว
พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคคลขั้นต้น ประจักษ์แจ้งพระนิพพานเป็นครั้งแรก ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง กล่าวคือ ดับความเห็นผิดได้ทั้งหมด ดับความลังเลสงสัยได้ และกิเลสในฐานะเดียวกันก็ดับได้ จึงไม่มีทางที่จะมีที่พึ่งอย่างอื่นได้เลย นอกจากพระรัตนตรัย เพราะท่านได้ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง ด้วยปัญญาที่ท่านอบรมเจริญจนถึงความสมบูรณ์พร้อมแล้ว และ ท่านจะเป็นผู้ที่อบรมเจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้นไป จนถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด
การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคล แม้ความเป็นพระโสดาบัน ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ต้องสะสมคุณความดีและการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม จึงสามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ ศีล ๕ จะบริสุทธิ์ได้ ก็เพราะมีปัญญา ไม่ใช่ด้วยการรักษาศีลโดยการนับข้อหรือด้วยความเป็นตัวตนที่อยากจะมีศีล ๕ ครบ จะเห็นได้ว่าการไม่ล่วงศีล ๕ อีกเลย นั้น เป็นผลจากความเป็นพระโสดาบัน นั่นเอง เพราะเหตุว่าท่านดับกิเลสอย่างหยาบที่จะเป็นเหตุให้ล่วงศีลได้แล้ว (ตามข้อความในพระสูตรข้างต้น) ท่านจึงไม่ล่วงศีล ๕ อีกต่อไป แต่ตราบใดที่ยังไม่ถึงความเป็นพระโสดาบัน ยังไม่สามารถดับกิเลสอะไรๆ ได้ ย่อมมีโอกาสล่วงศีลได้ เมื่อเหตุปัจจัยพร้อม แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น แม้บางท่านก่อนจะได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระโสดาบัน ท่านยังล่วงศีล ๕ เช่น นางชุชชุตตรา ล่วงศีลข้อ ๒ นายเขมกะหลานชายท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ล่วงศีลข้อ ๓ เป็นต้น แต่เมื่อท่านได้เป็นพระโสดาบันแล้ว ย่อมไม่มีเหตุใหล่วงศีลอีกต่อไป จึงเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งอย่างยิ่ง ครับ
... ยินดีในกุศลของคุณ อนนฺตวีรพนฺธุ และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...