ญาตัตถจริยา โลกัตถจริยา
ญาตัตถจริยา คือ การสงเคราะห์ญาติ การช่วยเหลือญาติ บำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระญาติโลกัตถจริยา คือ การสงเคราะโลก การช่วยเหลือชาวโลก บำเพ็ญประโยชน์เพื่อ ชาวโลก
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย จะเป็นพระพุทธเจ้า ต้องบำเพ็ญ โลกัตถจริยาและญาตัตถจริยาจึงจะเป็นพระพุทธเจ้า แต่คงไม่ต้องไปถึงขั้นนั้น เราเริ่มที่จะประพฤติเป็นประโยชน์กับคนอื่นบ้างไหม ไม่ใช่เฉพาะกับคนที่เรารัก แต่แม้คนทั่วไปเท่าที่จะทำได้ ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ และขัดเกลาความเห็นแก่ตัวครับ อย่างไรก็ตามจะเล่าเรื่องการสงเคราะห์ญาติ ของพระโพธิสัตว์ของเรา เรื่องหนึ่งซึ่งคิดว่า เพื่อนๆ คงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ จะเล่าให้ฟังนะ
เรื่อง การสงเคราะห์ญาติของพระโพธิสัตว์
ในชาตินั้น พระโพธิสัตว์ของเรา เกิดเป็นสุนัข นี่ขนาดพระโพธิสัตว์นะ และเราๆ ท่านๆ หละ ... คราวนั้น พระราชาจอดรถที่หุ้มด้วยหนังเอาไว้ในวัง ฝนเกิดตก ทุกคนก็หลบฝน จอดรถทิ้งไว้ สุนัขในวัง ก็มากัดกินหนังของรถ พอพระราชาทราบ ก็กริ้วมากมีคนกราบทูลว่า เป็นฝีมือสุนัข จึงรับสั่งให้ฆ่าสุนัขทุกตัวที่เห็น แต่เว้นสุนัขในวังสุนัขอื่นๆ และภายนอกได้รับความเดือดร้อน ตายกันมาก จนต้องหนีเข้าป่าช้า พบพระ-โพธิสัตว์ ซึ่งเป็นสุนัขในป่าช้า พระโพธิสัตว์ทราบความจริงว่า เรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะสุนัขภายนอก กัดกินรถหุ้มหนังแน่นอน ต้องเป็นสุนัขในวัง เพื่อต้องการช่วยเหลือญาติ จึงไปผู้เดียว โดยมีเมตตาจิตเดินไป ไม่มีใครทำร้าย เข้าไปหาพระราชา แล้วกล่าวว่า พระราชาทรงทราบ
แล้วหรือว่า สุนัขตัวไหนฆ่า พระราชาบอกไม่ทราบ พระโพธิสัตว์จึงกล่าวว่า การที่พระองค์ ให้การประหารสุนัขทั่วไป ไม่ควร ควรจะวินิจฉัยก่อน พระราชาจึงถามว่า แล้ว
เจ้ารู้หรือว่า ใครกัดกินรถหุ้มหนังของเรา พระโพธิสัตว์กล่าวว่า รู้ พระราชาจึงถามว่าใคร พระโพธิสัตว์ตอบว่า เป็นสุนัขในวังพระองค์เอง และพระองค์ก็เว้นการฆ่าในสุนัขของพระองค์ด้วย พระราชาจึงบอกว่าเจ้าต้องพิสูจน์พระโพธิสัตว์จึงให้นำสุนัขในวังมา ให้ทานหญ้าผสมเปรียง เมื่อถ่ายออกมาจึงมีหนังของรถออกมาด้วย จึงพิสูจน์ความจริงได้ พระราชาจึงเชื่อและน้อมรับโอวาทของพระโพธิสัตว์ เรื่องนี้จึงเป็นการช่วยญาติทั้งหลายของพระโพธิสัตว์ครับ
ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์