ต้องเริ่มต้นจากฟัง และไตร่ตรอง

 
เมตตา
วันที่  27 มี.ค. 2567
หมายเลข  47654
อ่าน  340

สนทนาปัญหาธรรม วันอังคารที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๗

บุญสำเร็จจากการฟังธรรม คือ ฟังด้วยดีย่อมได้ปัญญา

[เล่มที่ 46] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๕ - หน้าที่ 470

มีอธิบายอย่างไร มีอธิบายว่า แม้เชื่อธรรมนั้นแล้ว เข้าไปหาพระอาจารย์และอุปัชฌาย์ตามกาล เข้าไปนั่งใกล้ด้วยการทำวัตร ในกาลใด พระอาจารย์และอุปัชฌาย์มีจิตอันการเข้าไปนั่งใกล้ให้ยินดีแล้ว ประสงค์จะกล่าวคำไรๆ ในกาลนั้น ก็เงี่ยโสต ด้วยความเป็นผู้ใคร่จะฟังอันถึงแล้วฟังอยู่ย่อมได้ปัญญา ก็แม้ฟังอยู่ด้วยดีอย่างนี้ เป็นผู้ไม่ประมาท ด้วยการไม่อยู่ปราศจากสติ และมีปัญญาเครื่องสอดส่อง ด้วยความเป็นผู้รู้สุภาษิตและทุภาษิตนั่นแล ย่อมได้ปัญญา บุคคลนอกนี้ ย่อมไม่ได้ปัญญา ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า เป็นผู้ไม่ประมาท มีปัญญาเป็นเครื่องสอดส่อง เพราะบุคคลปฏิบัติปฏิปทาอันเป็นไปเพื่อได้ปัญญา ด้วยศรัทธาอย่างนี้แล้ว ฟังอุบายอันเป็นเครื่องบรรลุปัญญา ด้วยการฟังด้วยดี คือ โดยเคารพ ไม่หลงลืมสิ่งถือเอาแล้ว ด้วยความไม่ประมาท และถือเอาสิ่งไม่หย่อน ไม่เกินและไม่ผิด ด้วยความเป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่องสอดส่อง ย่อมกระทำให้กว้างขวางหรือ เงี่ยโสตลง ด้วยการฟังด้วยดี ย่อมฟังธรรมอันเป็นเหตุได้เฉพาะซึ่งปัญญา

ครั้นฟังด้วยความไม่ประมาทแล้วย่อมทรงธรรม ย่อมใคร่ครวญอรรถแห่งธรรมทั้งหลายที่ทรงจำด้วยความเป็นผู้มีปัญญาเป็นเครื่องสอดส่อง ในลำดับนั้น ย่อมกระทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถ์ โดยลำดับ


ท่านอาจารย์: พราะฉะนั้น ญาณะก็ไม่ไกลจากการรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตามความเป็นจริงทีละเล็กทีละน้อย แต่ต้องเริ่มต้นจากฟัง และก็ไตร่ตรอง ไม่ใช่เชื่อทันที หรือคิดเรื่องอื่นทันที ฟังแล้วไตร่ตรองความจริงเป็นอย่างนี้เอง

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสว่า วิญญาณจริยา มีธาตุรู้ แล้วจะไม่ประพฤติเป็นไปไม่ได้ เมื่อธาตุรู้เกิดขึ้นก็ต้องรู้ เพราะฉะนั้น จึงมีสิ่งที่ถูกรู้ตลอดเวลา แต่ไม่เคยรู้ความจริงว่า นั่นไม่ใช่เรา เป็นเพียงธาตุรู้ที่เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ว่าขณะไหนก็เป็นธาตุรู้ที่จะต้องเกิดขึ้นรู้ เกิดขึ้นไม่รู้ไม่ได้ เริ่มมีความเข้าใจจากไม่รู้ว่า ธาตุรู้คืออะไร

เพราะฉะนั้น ทั้ง ๓ ก็เกี่ยวข้องกันใช่ไหม?

อ.วิชัย: เกี่ยวข้องกันครับ ที่กำลังเป็นไป

ท่านอาจารย์: แล้วจะเป็นอย่างอื่นนอกจากนี้ได้ไหม?

อ.วิชัย: ไม่ได้ครับ เพราะกำลังเป็นเดี๋ยวนี้อยู่ครับ

ท่านอาจารย์: มั่นคงหรือยัง?

อ.วิชัย: ค่อยๆ มั่นคงขึ้นครับ สะสมความรู้ขึ้น

ท่านอาจารย์: หรือว่า ไปคิดเรื่องอื่นอีกแล้ว

อ.วิชัย: ก็มีคิดบ้าง

ท่านอาจารย์: นั่นแหละ จะได้รู้ความจริง ธรรมมากมายหลายประการ เพราะฉะนั้น ขณะที่กำลังคิดเรื่องอื่น ก็ไม่รู้ใช่ไหม?

อ.วิชัย: ไม่รู้สิ่งที่มีเดี๋ยวนี้

ท่านอาจารย์: นั่นแหละ อัญญาณของวิญญาณ

ขณะใดที่กำลังฟังอีกแม้คำเดียว ก็เริ่มเข้าใจในสิ่งนั้นขึ้น โดยไม่ได้บังคับว่า เข้าอีก นานเท่าไหร่ ไม่บังคับว่า จะต้องได้ยินอีกเมื่อไหร่ ได้ยินแล้วจะไตร่ตรองแค่ไหนจึงจะเป็นความเข้าใจถูกขึ้น เพราะฉะนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงทุกประการตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงที่สุด

เพราะฉะนั้น ได้ยิน ๓ คำนี้ ไม่ใช่แค่จำชื่อ วิญญาณะ คือกำลังเห็น ได้ยิน .. พวกนี้เป็นธาตุรู้ จิตก็เป็นไปทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทั้งวัน และก็ไม่รู้ความจริงก็เป็นอัญญาณะ และก็ ญาณะคือเริ่มฟัง แล้วก็ค่อยๆ รู้ขึ้น แต่ไม่ใช่เพียงเท่านี้ ต้องมั่นคงว่า รู้ได้ แต่ถ้าไม่ฟังไม่ได้ไตร่ตรอง ไม่มีทาง ไม่มีวันที่จะรู้ได้เลย เพราะไม่ได้คิดถึงความจริงเลย

คิดถึงอะไร พอถูกถามก็ไปหมดเลย เรื่องอื่นเยอะเยะใช่ไหม ขณะนั้นเป็นอะไร อัญญาณะหรือเปล่า?

อ.วิชัย: ใช่ครับ อัญญาณะ

ท่านอาจารย์: เพราะฉะนั้น ทั้งวันเลยใช่ไหม?

อ.วิชัย: ใช่ครับ ที่จะคิดด้วยความไม่รู้

ขอเชิญอ่านได้ที่ ...

ฟังด้วยดีคืออย่างไร

ขอเชิญฟังได้ที่ ...

ความทุกข์ในชีวิตมาจากกิเลส

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่งค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 2 เม.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในความดีของทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ