การทำกุศลโดยการปล่อยสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่า
การปล่อยสัตว์ การช่วยเหลือสัตว์ ชื่อว่าการให้ชีวิต ให้ความปลอดภัย เป็นกุศลประเภทหนึ่ง ผลหรืออานิสงส์ของกุศล ย่อมให้วิบากที่ดี วิบากที่น่าปรารถนานำสุขมาให้
การทำกุศล ให้ทาน เป็นไปเพื่อการละ และขัดเกลากิเลส ไม่ควรหวังในผล
การปล่อยปลา ปล่อยสัตว์ประเภทต่างๆ ชื่อว่าเป็นการเจริญเมตตากับสัตว์ เป็นบุญเป็นกุศล เพราะเกิดจากจิตที่ดีงาม การให้ชีวิตสัตว์ การไม่ฆ่าสัตว์ เป็นเหตุที่ดีที่ทำให้เกิดชาติหน้าอายุยืนค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งครับ กุศลควรเจริญทุกประการและการช่วยเหลือสัตว์ก็เป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะให้ชีวิตเขาด้วย ส่วนเรื่องว่าจะได้อานิสงส์หรือไม่นั้น เหตุดี ผลก็ย่อมดี จะหวังหรือไม่หวังก็ตามครับ ขออนุโมทนาทำต่อไปและยินดีในกุศลครั้งนี้ด้วยครับ แม้พระโพธิสัตว์ของเรา ก็ได้ให้ชีวิตสัตว์เป็นทาน เช่นกัน ดังข้อความในพระไตรปิฎกครับ ลองอ่านดูนะและน้อมประพฤติปฏิบัติตาม อันเกิดจากความเข้าใจในสิ่งที่อ่านครับ
เรื่อง การให้ชีวิตสัตว์ เป็น กุศลและเป็นการให้ ธรรม (ธรรมมารมณ์) เป็นทาน
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ... ธรรมทาน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอบพระคุณทุกท่านที่ตอบครับ ผมจะทำไปเพื่อปหานกิเลส เพื่อเมตตา ต่อสัตว์จริงๆ จะพยายามลด ละ เลิกความอยากทั้งปวง ถึงแม้จะเป็นความอยาก (ตัณหา) ในระดับละเอียดก็ตามครับ
อันที่จริง การกระทำกุศล เป็นสิ่งที่ควรเจริญทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาส และไม่ควรรีรอแต่กุศลขั้นทาน ไม่ได้เกิดบ่อยในชีวิตประจำวันของปุถุชน เวลาที่จิต ไม่เป็นไปในทาน ศีล สมถภาวนา หรือ สติปัฎฐาน จิตก็ตกจากกุศล ไปเป็นอกุศลทันที เพราะเหตุนี้ การเจริญสติปัฎฐาน จึงเป็นการเจริญกุศลที่ประกอบด้วย "ปัญญา" จึงมีความสำคัญสูงสุด เพราะสติปัฏฐาน สามารถอบรมให้เกิดได้เป็นปรกติในชีวิตประจำวัน แต่จะเกิดได้ตามกำลังการสั่งสมปัญญาของผู้นั้น และเกิดได้แม้ในขณะที่ไม่ได้กระทำทานครับ
ขอถามหน่อยนะครับ เวลาเราบริจาคทาน ที่บอกว่า ถ้าจิตตกจากกุศลจะกลายเป็นอกุศลทันที ถ้าเราให้ทานในช่วงนี้พอดี เราจะได้บุญไหมครับ (ถามเพราะอยากทราบจริงๆ ไม่ได้หวังผลเจาะจง ที่จะได้บุญนั้น) เพราะอย่างไร คนที่บริจาคทาน ต้องมีจิตเป็นกุศลมาก่อน ถ้าแบบนี้เราควรอบรมจิตให้มีกุศลตลอดเวลาก่อนดีไหมครับ ถึงจะทำการบริจาค เพราะกลัวจิตเป็นอกุศล พอดีเวลาจะบริจาคทานนั้นๆ เมื่อก่อนไม่ทราบจริงๆ ครับว่าการทำบุญ ต้องแยกจิตเป็นกุศลหรืออกุศลด้วย เพิ่งเข้ามาศึกษาเว็บนี้เองครับ ทำให้ผมรู้แจ้งว่าจริงๆ ถึงแม้ว่า จะเป็นแค่การให้ทาน ก็มีข้อละเอียดปลีกย่อยอีกมาก
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ต้องทราบก่อนว่า บุญคืออะไร บุญคือสภาพของจิตที่ดี คือ ไม่มีโลภะ โทสะ ... เป็นต้น จิตเกิดทีละขณะ อย่างรวดเร็ว เมื่อเราเตรียมที่จะให้ของบริจาค ช่วงที่เตรียมจนถึงให้นั้น จิตเกิดดับมากมายนับไม่ถ้วน ซึ่งก็เป็นอกุศลบ้าง กุศลบ้าง แต่ขณะที่คิดจะให้ หรือให้สิ่งนั้นเพื่อประโยชน์กับคนอื่น จิตขณะนั้นเป็นกุศล จึงไม่ใช่ได้บุญแต่เป็นบุญในขณะนั้น ที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา เรารู้ว่ากุศลเป็นสิ่งที่ดี อกุศลไม่ดี แต่บังคับให้เกิดตามใจชอบได้ไหม ไม่ได้ครับ ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะบังคับให้มีกุศลตลอดเวลาได้ เพราะเรายังมีกิเลสมากครับ และที่กล่าวว่า ถ้าจิตไม่เป็นกุศล ก็เป็นอกุศลนั้น ถ้าพูดโดยไม่ละเอียด โดยนัยอภิธรรม ขณะใดที่เป็นกุศล ขณะนั้นก็ไม่เป็นอกุศล แต่เมื่อกุศลจิตดับไป จิตก็ย่อมน้อมไปที่จะเป็นอกุศล เหมือนน้ำย่อมไหลลงไปสู่ที่ต่ำ ดังนั้น จึงไม่ควรประมาทในการเจริญกุศลทุกประการครับ ขออนุโมทนา
เรื่อง เมื่อจิตไม่เป็นกุศล ย่อมไหลไปสู่อกุศล ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่... ปาปวรรควรรณนา [เรื่องพราหมณ์ชื่อจูเฬกสาฎก]
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอแนะนำว่าค่อยๆ ศึกษาพระธรรมครับ และไม่ควรคิดหาทาง ไม่ให้จิตเป็นอกุศลด้วยตนเอง เพราะเหตุว่า ยังเกินวิสัยของปุถุชน ผู้ที่ยังหนาแน่นไปด้วยความไม่รู้ สิ่งไหนที่ยังไม่แน่ใจ หรือสงสัยว่า จะเป็น กุศลหรืออกุศล ก็เป็นความคิดที่เกิดกับจิตให้นึกสงสัย ขณะที่นึกสงสัย ก็เป็นอกุศลแล้ว ซึ่งอกุศลทุกอย่าง มีกำลังสามารถเกิดได้อย่างรวดเร็ว คล่องและแนบเนียนมาก จากเชื้อของกิเลสที่อยู่ลึกในจิตทุกดวงของเรา"เพิ่งเข้ามาศึกษาเว็บนี้เองครับ ทำให้ผมรู้แจ้งว่าจริงๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่การให้ทาน ก็มีข้อละเอียดปลีกย่อยอีกมาก"ขั้นต้น ควรคิดว่า การศึกษาพระธรรมก็เพื่อให้รู้ในสิ่งที่ยังไม่เคยฟัง ไม่เคยรู้มาก่อน หากไม่เคยศึกษาพระธรรม ก็ไม่ควรคิดว่า จะสามารถข้ามไปรู้แจ้งวาระจิต โดยทันที หรือคิดกันไม่ให้จิตเป็นอกุศล เพราะเหตุว่า วาระจิต เป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมากแม้แต่ผู้ที่ศึกษามานานหลายปี บางท่านก็ยังไม่อาจจะรู้วาระจิตของตนได้ โดย
ละเอียด เพราะเป็นเรื่องของ "ปัญญา" ที่สั่งสมมาไม่เท่ากันของแต่ละบุคคลจริงๆ "ถ้าแบบนี้ เราควรอบรมจิตให้มีกุศลตลอดเวลาก่อนดีไหมครับ ถึงจะทำการบริจาค เพราะกลัวจิตเป็นอกุศลพอดี เวลาจะบริจาคทานนั้นๆ " ให้ทราบเพียงว่า ถ้าขณะใด จิตไม่เป็นกุศล ส่วนใหญ่ จิตจะเป็น อกุศล แน่นอนเพราะเรายังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์ ไม่เช่นนั้น ถ้าเกิดเข้าใจผิดขึ้น ก็อาจจะคิดว่าตนควรพยายามจดจ้อง จับจิตก่อน เพราะกลัวไม่อยากให้จิตเป็นอกุศล ประเดี๋ยวทานที่ให้ จะไม่บริสุทธิ์หรือด่างพร้อยได้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ ก็จะยิ่งเป็นการเจริญความเห็นผิด ซึ่งเป็นพิษร้ายแรงต่อการเจริญปัญญาครับ "เพิ่งเข้ามาศึกษาเว็บนี้เองครับ" อย่างไรก็ดี ก็ขออนุโมทนาในผลบุญของ คุณ Garookung ที่ได้เข้ามาศึกษา พระธรรมตามแนวทางความเห็นถูกจริงๆ ในเว็บไซด์แห่งนี้ครับ
ได้การสะสมสภาวธรรมที่ถูกบัญญัติว่า เมตตา ให้เจริญยิ่งขึ้น อดีตเหตุมีแล้ว ผลปัจจุบัน จึงน้อมไปสู่สภาวธรรมนั้น เมื่อเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ จึงเป็นเหตุให้เจริญขึ้น และอนาคต ผลก็จะน้อมไปสู่สภาวธรรมนั้น โดยความคุ้นเคย จนเป็นปกติ ทำให้ละการเบียดเบียนรูปนามอื่นๆ และยังเป็นเหตุให้ สภาวธรรมที่เป็นกุศลประเภทอื่นๆ ให้เจริญตามขึ้นได้