นั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์.

 
Kuat639
วันที่  9 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47823
อ่าน  203

ทำไมการปฏิบัติธรรม.คือ.การนั่งสมาธิ เดินจงกรม สวดมนต์.เหล่านี้มีในคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือไม่???..ความคิดเห็นส่วนตัวแล้ว..มันไม่น่าจะใช่สิ่งที่ถูกต้อง.ขอความกระจ่างด้วยครับ ...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
khampan.a
วันที่ 15 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

หนทางเดียว ที่จะทำให้มีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีกำลังปรากฏ ตามความเป็นจริง นั้น ต้องฟังพระธรรม ต้องศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงด้วยความตั้งใจจริงๆ เพราะพระธรรมทั้งหมดนั้นแสดงให้ผู้ฟังผู้ศึกษาได้เข้าใจตามความเป็นจริง และสภาพธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงนั้น มีจริงในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติขึ้นมาในการที่จะรู้ธรรม ต้องเป็นปกติจริงๆ ไม่ใช่ผิดปกติ

การนั่งสมาธิ การเดินจงกรม ไม่ใช่การปฏิบัติธรรม เพราะการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องของการถึงเฉพาะลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ด้วยสติ และปัญญา

พระธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้โดยละเอียดโดยประการทั้งปวง รวมถึงเรื่องสมาธิด้วย แต่ไม่ได้สอนให้ไปทำ หรือไปฝึกสมาธิ แต่ทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริงเนื่องจากว่า สมาธิ มีทั้งสัมมาสมาธิ และมิจฉาสมาธิ มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อว่าโดยสภาพธรรมแล้ว สมาธิเป็นเอกัคคตาเจตสิก เป็นสภาพธรรมที่ตั้งมั่นในอารมณ์ ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดกับจิตประเภทใด ถ้าเกิดกับกุศลเป็นสัมมาสมาธิ แต่ถ้าเกิดกับอกุศล ก็เป็นมิจฉาสมาธิ

สมาธิ ไม่ใช่เรื่องทำ แต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย สัมมาสมาธิเป็นความตั้งมั่นชอบเป็นไปในกุศลธรรม แต่ถ้าเป็นมิจฉาสมาธิแล้ว เป็นอกุศลเป็นเอกัคคตาเจตสิกที่เกิดร่วมกับอกุศล เพราะฉะนั้น ความต่างก็คือ สัมมาสมาธิ เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี แต่ถ้าเป็นมิจฉาสมาธิแล้ว เป็นอกุศล ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าอะไรเป็นสัมมาสมาธิ อะไรเป็นมิจฉาสมาธิ ก็จะเป็นเหตุให้ประพฤติปฏิบัติผิด พอกพูนความติดข้องความไม่รู้และความเห็นผิดให้หนาแน่นยิ่งขึ้น

สำหรับเรื่องสวดมนต์ ควรจะได้พิจารณาว่าพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ไม่ว่าจะเป็นพระสูตรใด ส่วนใดไม่ใช่สำหรับสวดหรือสำหรับท่อง แต่สำหรับศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามที่พระองค์ทรงแสดง สวดแล้วหวัง ท่องแล้วหวัง เพื่อที่จะได้ผลตอบแทนที่ดี นั่นไม่ตรงแล้ว เพราะหวังเป็นโลภะ เป็นเหตุที่ไม่ดี ในเมื่อเป็นเหตุที่ไม่ดี ก็ไม่สามารถนำผลที่ดีมาให้ได้เลย นี่คือ ความเป็นผู้ตรง ซึ่งจะต้องมีความเข้าใจด้วยว่า ระหว่างการสวด โดยที่ไม่เข้าใจ กับการฟังพระธรรมแล้วก็เข้าใจ อย่างไหนจะเป็นประโยชน์กว่ากัน

ถ้ากล่าวถึงสวด เมื่อเทียบเทียงกับภาษาบาลีแล้ว แปลได้ว่า การสาธยาย คือการทบทวนสิ่งที่ได้ฟัง ให้มีความเข้าใจเพิ่มขึ้นในครั้งพุทธกาล ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็สาธยาย แต่เพราะได้ฟังพระธรรมแล้ว ในครั้งนั้น กว่าจะได้ฟังพระธรรมนั้นยากลำบาก เดินทางไปเข้าเฝ้าฟังพระธรรม จากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไกลแสนไกล เพื่อที่จะได้ฟังเมื่อฟังเสร็จแล้วก็เดินทางกลับ ระหว่างนั้นก็มีการระลึกถึงพระธรรมที่ได้ยินได้ฟัง เพื่อจะได้ไม่ลืม เวลาที่มีการระลึกถึงคำที่ได้ฟัง บ่อยๆ เนืองๆ แล้วไตร่ตรอง ด้วยความเข้าใจนี้ คือ การสาธยาย ซึ่งไม่ใช่การพูดคำ ที่ไม่รู้จัก ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณ Kuat639 และทุกๆ ท่านด้วยครับ ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ