ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๙
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๙
~ กว่าจะรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กว่าจะได้ฟังคำจริงที่ทำให้ค่อยๆ เข้าใจเป็นปัญญาของตนเองโดยพระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ว่าใครจะได้โดยง่าย ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังเลยจะไม่มีโอกาสเข้าใจ ได้ยินได้ฟังแล้วผ่านหูไปเฉยๆ ก็ไม่มีโอกาสได้เข้าใจ แต่ต้องไตร่ตรองและเป็นคนตรง ถ้าไม่ตรงจะไม่ได้สาระจากพระธรรม
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงจะทำให้เราเห็นถูกตามความเป็นจริงว่า แท้ที่จริงแล้ว ขณะนี้สิ่งที่กำลังปรากฏนี้แหละเข้าใจถูกต้องหรือยังว่าเป็นเพียงธรรม ถ้ายัง ก็มีทุกข์ต่อไป ใครก็ช่วยไม่ได้ เพราะฉะนั้น จะพ้นจากทุกข์ได้เมื่อเป็นความเข้าใจของตัวเอง
~ ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีกว่าจะมีแต่ละคำให้เราได้เข้าใจ เพื่อตัวเราที่จะไม่เป็นอกุศล ไม่โกรธ ไม่โลภ ไม่หลงสารพัดอย่างตั้งแต่เล็กน้อยที่สุดจนถึงใหญ่ที่สุด การฟังพระธรรม ก็เป็นบุญ เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ความดี ถ้าเข้าใจ เมื่อไหร่ก็เกิดได้ คิดดีกับคนอื่นได้ไหม? แค่นั้นก็เป็นบุญ ไม่ใช่คิดร้ายกับคนอื่น
~ ละคลายความไม่ดีของตัวเองคือความไม่รู้ของเราซึ่งคนอื่นละไม่ได้ แล้วถ้าไม่คิดที่จะละก็สะสมเพิ่มพูนจนกระทั่งปรากฏอย่างที่เราเห็น ช่างร้ายเหลือเกินเวลาที่เห็นการกระทำที่ไม่ดีของใครคนหนึ่ง แต่ถ้าตัวเองทำเอง ไม่เห็นเลย และกำลังสะสมที่จะทำด้วยวันหนึ่งใครจะรู้
~ ถ้าเราไม่พูดสิ่งที่ถูกต้อง ชักชวนเขาในทางที่ผิด เราเป็นมิตรหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น ก็ต้องรู้ว่าใครเป็นมิตร ถ้าเป็นคนที่ทำให้เข้าใจถูก จะเป็นผู้ที่มิใช่มิตรได้หรือ ในเมื่อเพราะหวังดีที่จะให้เข้าใจถูก จึงได้กล่าวคำที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น ทราบไหมว่าใครเป็นมิตรที่ดีที่สุด? พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะอะไร? เพราะตรัสให้คนอื่นได้เข้าใจธรรมที่ถูกต้อง
~ ความเห็นผิดไม่ได้นำมาที่จะให้เกิดความสงบสุขเลย เพราะไม่เห็นว่าอกุศลเป็นอกุศล จึงทำอกุศลกันทั้งบ้านทั้งเมือง ทั้งโลก แต่ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้อง โลกก็สงบได้
~ ไม่มีอะไรที่ประเสริฐที่มีค่ายิ่งกว่าความเห็นที่ถูกต้อง ซึ่งไม่เคยเข้าใจอย่างนี้มาก่อนเลย แล้วจะทิ้งสิ่งที่มีค่าอย่างนั้นหรือ ยังจะกลับไปสู่ความไม่รู้ ยังจะกลับไปสู่ความเห็นผิด อย่างนั้นหรือ?
~ ปัญหามาจากไหน ปัญหามาจากจิตซึ่งเป็นอกุศลทั้งนั้น ปัญหาไม่ได้มาจากกุศลจิตเลย ปัญหาทุกปัญหามาจากอกุศลจิต จะให้อกุศลจิตหรืออกุศลธรรมแก้ปัญหาเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ผู้มีปัญญาก็สามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นด้วยกุศลจิต ด้วยความหนักแน่นมั่นคงในคุณความดีหรือในธรรมฝ่ายกุศล ก็ย่อมสามารถแก้ทุกสถานการณ์ได้ ไม่ใช่แต่เฉพาะในขณะนั้น แต่แม้ในขณะต่อๆ ไป กุศลก็ไม่ได้ให้โทษเลย
~ การฟังธรรม ก็คือ ฟังเพื่อเมื่อไรจะเข้าใจถูกต้องในธรรมที่เกิด และปรากฎในขณะนี้ มีจริงๆ ปรากฏจริงๆ แต่ก็ไม่รู้ ถ้าไม่มีการฟังแล้วเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้น จุดประสงค์ของการฟัง ไม่ใช่เพื่อจะไปทำอย่างหนึ่งอย่างใดเลยทั้งสิ้น แต่ไม่ลืมว่าขณะนี้มีธรรมที่ปรากฏ ฟังเพื่อที่จะรู้ความจริงของธรรมที่ปรากฏ ซึ่งสามารถจะรู้ได้เพราะกำลังปรากฏ
~ เริ่มเห็นความไม่มีเรา ไม่ใช่เราของสภาพธรรมที่ปรากฏ เพราะเหตุว่า ขณะนั้นเกิดแล้วปรากฏจริงๆ แต่ว่ามีความสนใจความใส่ใจหรือยังไม่มีปัจจัยที่จะทำให้เข้าใจถูกในลักษณะสภาพธรรมนั้น ก็ผ่านไปเรื่อยๆ ทั้งวัน ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เหมือนเมื่อวานนี้กับวันนี้ เหมือนกับว่าไม่ต่างกันเลย แต่ความจริงแต่ละขณะก็ต่างกันไปตามเหตุตามปัจจัย
~ การฟังธรรมเพื่อเห็นถูกตามความเป็นจริงของธรรม ซึ่งเป็นปัญญานั่นเอง ถ้าไม่มีปัญญา ไม่มีความเข้าใจถูกแล้วจะไปรู้ความจริงของสิ่งที่มีปัจจัยเกิดในขณะนี้ปรากฏแล้วก็ดับไปได้อย่างไร ก็คือ เป็นปกติธรรมดา แต่ว่ามีการสะสมบุญแต่ปางก่อนที่ทำให้มีศรัทธาที่จะฟังแล้วไตร่ตรอง และมีความเห็นถูกเพิ่มขึ้น จนกว่าจะเห็นคุณของธรรมที่ได้ยินได้ฟังว่า ถ้าไม่มีการได้ยินได้ฟังธรรมที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงๆ ก็ไม่มีโอกาสเข้าใจความหมายของคำว่า อนัตตา ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
~ ถ้าพิจารณาโทษของคนอื่นแล้วโกรธ ไม่เป็นประโยชน์เท่ากับพิจารณาความผิดของตนเองว่ามีความผิดอะไรหรือเปล่า เมื่อเห็นความผิดของตนเอง ย่อมสามารถแก้ความผิดนั้น และไม่โกรธคนอื่นด้วย ถ้าเป็นความผิดของท่าน ท่านก็รู้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพื่อที่จะได้ไม่ทำอีก แต่ถ้าเป็นความผิดของคนอื่นโดยที่ท่านเองไม่ได้เป็นผู้ทำผิด การโกรธเคืองผู้ทำผิดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเหมือนกัน เพราะถ้าท่านโกรธคนอื่นที่ทำผิด ขณะที่โกรธนั้น เป็นความผิดของท่านเองอีกแล้วที่โกรธคนอื่น
~ ความเห็น ๒ อย่าง คือ เห็นถูกกับเห็นผิด ถ้าคนอื่นเข้าใจผิดแล้วเกิดอกุศล ควรที่จะให้คนอื่นเข้าใจความจริงให้ถูกต้องหรือเปล่า เพื่อเขาจะได้ไม่เป็นอกุศล นี่เป็นการเกื้อกูล ไม่ใช่ใครเห็นผิดก็เห็นผิดไป ใครว่าใครไม่ดี ก็ไม่ดีไป โดยที่เราเองสามารถที่จะชี้แจงทำให้เขาเข้าใจถูกได้ เพราะฉะนั้น เพื่อประโยชน์ของผู้ฟังในการที่จะกล่าวถึงสิ่งที่ตรง คือ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ดีคือดี ไม่ดีคือไม่ดี กล่าวถึงความไม่ดี กล่าวไม่ได้หรือ ไม่ได้กล่าวถึงใคร แต่ไม่ดีต้องเป็นไม่ดี เพราะฉะนั้น แม้จิตในขณะนั้นก็ต้องเป็นจิตที่ไม่ใช่กล่าวร้ายมุ่งร้ายทำลายประโยชน์ แต่เพื่อให้เห็นความจริงที่ถูกต้องตามความเป็นจริง จะได้มั่นคงว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีใคร ไม่ว่าจะเป็นชาติใด ภาษาใด เด็ก ผู้ใหญ่ ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งใดๆ ทั้งสิ้น ดีคือดี ชั่วคือชั่ว
~ ปัญญา ไม่ใช่ว่าทุกคนมี แต่เป็นสิ่งซึ่งจะเกิดมีขึ้นได้ โดยอาศัยการฟัง การพิจารณา การไตร่ตรอง การสนทนา การเห็นประโยชน์ แล้วก็การฟังเพิ่มขึ้น เข้าใจเพิ่มขึ้น ปัญญาก็จะเจริญขึ้น
~ ที่ยังมีชีวิตอยู่ก็เป็นไปตามกรรมที่กระทำแล้ว จะไม่ให้อยู่ก็ไม่ได้ ใครจะไม่ให้เกิดได้ไหม? เพราะเหตุว่ามีปัจจัยที่จะเกิดก็เกิดขึ้นเป็นไป แต่ให้เข้าใจให้ถูกต้องว่าเป็นธรรม คำนี้คำเดียวที่จะต้องเข้าใจขึ้น เมื่อเป็นธรรม ก็ไม่ใช่อะไรทั้งหมด นอกจากเป็นธรรม
~ ธรรมที่เป็นฝ่ายกุศลที่สะสมมายังไม่มากพอที่จะเท่ากับทางฝ่ายอกุศล ถ้าเห็นอย่างนี้จริงๆ ก็ยิ่งต้องเพิ่มความเพียรทางฝ่ายกุศลขึ้น ความเพียรขั้นต้นของการเจริญกุศล ก็คือ ต้องเพียรฟังพระธรรมให้เข้าใจเพิ่มขึ้น ไม่ใช่วันนี้วันเดียว แต่ว่าวันอื่นๆ ต่อไปด้วย
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๖๘
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...