ความรักตัว ความเห็นแก่ตัว
ลองพิจารณาดูว่า ทุกคนมีความเห็นแก่ตัวแน่นอน เมื่อมีความรู้สึกว่าเป็นเราหรือเป็นตัวตน ก็ย่อมมีความเห็นแก่ตัวมากกว่าที่จะเห็นกับบุคคลอื่น เพราะฉะนั้น ชีวิตประจำวันจึงมีความรักตัว แล้วก็ทำทุกอย่างเพื่อตัว ด้วยความเห็นแก่ตัวในขณะใด ในขณะนั้นเป็นอกุศลทั้งหมด เป็นโลภมูลจิตทั้งหมด มากมายเหลือเกินในชีวิตประจำวัน แต่ว่าขณะใดที่อโลภเจตสิกเกิด ขณะนั้นละความเห็นแก่ตัวทุกขั้น
ข้อความในมโนรถปุรณี อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต ข้อ ๑๘๕๙ มีข้อ
ความสั้นๆ ว่า
สิ่งใดที่ไม่เคยคิดไว้ ย่อมมีได้ ก็มี สิ่งใดที่เคยคิดไว้ กลับเสื่อมสลาย
ไป ก็มี เพราะว่าโภคทรัพย์จะสำเร็จแก่สตรี หรือสำเร็จแก่บุรุษ มิได้สำเร็จ
ด้วยการคิดเอาเท่านั้น
นี่เป็นชีวิตประจำวันของทุกท่านนะคะ ซึ่งจะเห็นได้จริงๆ ว่า ไม่ได้คาดหวังเลยว่า สิ่งนี้สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นเป็นไป
สิ่งใดที่ไม่เคยคิดไว้ ย่อมมีได้ ก็มี
ทั้งที่เป็นกุศลวิบาก ผลของกุศล และที่เป็นอกุศลวิบาก ที่เป็นผลของอกุศล
และสิ่งใดที่เคยคิดไว้ กลับเสื่อมสลายไปก็มี สิ่งที่หวังไว้แน่นอน ก็กลับเสื่อม
สลายไปตามเหตุ คือ กรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว
พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า สิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่
บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่วัตถุใดๆ ทั้งสิ้น เป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
ที่ปรากฏเมื่อกระทบกับจักขุปสาท แล้วยังไม่ดับ เท่านั้นเอง
นี่เป็นความเห็นถูก เป็นการตรัสรู้ชอบ เพราะฉะนั้น ผู้ที่อบรมเจริญปัญญา ต้องอบรมจนกว่าจะรู้ชอบอย่างนี้ และก็รู้ว่า หลังจากที่เห็นแล้ว ที่คิด
ไม่ใช่ขณะที่กำลังเห็น เพราะฉะนั้น โลกของปรมัตถธรรมสั้นมาก เล็กน้อยมาก ทันทีที่เห็นแล้วดับ แต่ว่าทางใจปรุงแต่งเป็นเรื่องราว เป็นบุคคล เป็นสัตว์ต่างๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตา ดับไปแล้ว ก็ไม่รู้ ความไม่รู้ทำให้ไม่ประจักษ์การดับไปของปรมัตถธรรมที่ปรากฏทางตา แต่ว่าเป็นความนึกคิดที่ปรุงแต่งตลอด ซึ่งเป็นบัญญัติ