ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงละเอียดลึกซึ้งรู้ได้ยาก
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บางส่วนจากการสนทนาธรรม
ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่บ้านซ. พัฒนเวศม์
23 ก.พ. 67
ภิกษุทั้งหลายเธอจงฟัง ฟังเฉพาะตรงที่ฟัง จงใส่ใจให้ดี เฉพาะตรงที่ถาม
ฟังทุกคำ เพื่อให้เข้าใจสิ่งที่มี ที่ใกล้ที่สุด
ที่เราได้ยินเข้าใจแค่ไหน? เข้าใจจริงๆ หรือเปล่า? เข้าใจถึงที่สุดหรือเปล่า?
เพราะไม่เคยคิดตรง จึงไม่ตรงไปเรื่อยๆ
ความติดข้องของเรามันมากมายขนาดไหน แล้วก็จะละ อุตส่าห์ฟังธรรมะเพื่อละ แล้วก็จะละ แต่ในขณะเดียวกันมันไม่ยอมละ
ฟังมาตั้งนานกว่าจะถึงจุดที่รู้จริง รู้จริงมันต้องชีวิตจริงๆ หรือเปล่า? ไม่ใช่ไปเข้าใจจิตเจตสิกว่าเป็นอะไร? อยู่ไหน? ฟังไปเถอะ ... ไม่รู้จักแล้วประโยชน์อะไร?
ธรรมะที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงละเอียดลึกซึ้งรู้ได้ยาก ... นี้สำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นเราสามารถทำได้ทุกชาติคือบารมี ถ้าไม่มีบารมีคือความเข้าใจเดี๋ยวนี้เป็นปัญญาบารมีไหม? ... ไม่มีทางรู้อย่างที่พระองค์องค์ทรงแสดงหลังจากทรงตรัสรู้
ประวัติคนอื่นที่รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ฟังเป็นกัปป์ๆ ว่าเดี๋ยวนี้เองเกิดดับไม่ต้องไปไหน ... ไม่ต้องคอย ... เดี๋ยวนี้เอง ถ้าไม่เกิดมันไม่มี มีแล้วมันก็ดับ ... แต่ไม่รู้ จนกว่าจะรู้ถึงจะละได้ ความเป็นเรา ... ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มันจะละไปได้ ต้องรู้ความจริงเมื่อไหร่ เมื่อนั้นจึงไม่ใช่เราเด็ดขาด ... จนไม่เกิดอีกเลยไม่ว่าจะนั่ง นอน ยืน เดิน หลังจากนั้นไม่มีความเห็นผิด ... เห็นผิดไม่ได้เพราะดับสนิทไม่เกิดอีก
ผลจากการที่เราฟังมากี่ปีก็ตามแต่ ต้องรู้ว่าเดี๋ยวนี้เห็นก็ไม่รู้ แล้วพระพุทธเจ้าสอนให้รู้ ได้ยินก็ไม่รู้ คิดก็ไม่รู้ แข็งก็ไม่รู้ นี่แค่คิดยังไม่รู้จักลักษณะ เพราะฉะนั้นถ้ารู้จักลักษณะจริงๆ มันจะแค่ไหน? มันยังไม่แค่ไหนจนกว่าจะปรากฏอย่างนั้น เดี๋ยวนี้มันไม่เหลืออะไรเลย เพราะมันยังไม่เกิด หวังไม่ได้ว่าจะอันไหน?อะไร? ต้องถึงปานนั้นละๆ ๆ ๆ ๆ จนไม่เหลืออะไรแม้แต่เศษที่ละเอียดที่สุด แม้แต่ที่สะสมในจิต เปื้อนจิต ป้ายจิตตลอดเวลาเป็นอนุสัยก็ต้องไม่เหลือ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ แล้วเรารู้บ้างไหมตั้งแต่เริ่มต้นว่ามันคืออะไร? มันไม่อยู่ไกล มันอยู่เดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นชีวิตประจำวันเป็นเครื่องพิสูจน์ เข้าใจธรรมะแค่ไหน ไม่ต้องมานับเป็นดวงๆ หรอก แค่ธาตุรู้มันไม่ใช่สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น ... ยังต้องอีกไกล ... นี่เริ่มจะเป็นบารมีที่จะมั่นคงสัจจบารมี ถ้าไม่เข้าใจตรงนี้ก็ไปนั่งทำอะไรกัน ก็ไม่มีสัจจบารมี ... ก็ไม่ถึง ... ก็มันอยู่ตรงนี้ ... โลกทั้งโลกกี่โลก จักรวาลก็อยู่ตรงนี้ ... ตรงได้ยิน
ทุกคำของพระองค์แต่ละคำๆ เธอจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจะกล่าว แปลว่าทุกคำของพระองค์ลึกซึ้งแค่ไหน ต้องฟัง ขณะฟังคนส่วนใหญ่มักคิดเองต่อหมด ไม่ได้ใส่ใจให้ดีว่ากำลังพูดถึงอะไร เพราะฉะนั้นเวลาถามตอบเรื่องอื่น ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจเลยในคำถาม
แต่ละคำเพียงแค่คำเดียว ความลึกซึ้งระดับไหน? ธรรมะคำเดียวขยายออกไปๆ ทุกอย่างเป็นธรรมะ แต่เราไปจำแค่ทุกอย่างเป็นธรรมะ แต่ไม่รู้แต่ละหนึ่งเป็นธรรมะ ไม่มีทางเห็นความลึกซึ้ง
ปัญญาเขาผุดขึ้นมา ... เกิดคือผุดใช่ไหม? ทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าตรัส เกิดแต่ไม่ปรากฏ มันปรากฏกับปัญญา ต่อให้เป็นจริง ด้วยความไม่รู้จะรู้ได้ไง? เพราะฉะนั้นทุกคำของพระองค์ค่อยๆ ปรากฏในความคิดก่อน เพราะว่าโดยมากเราฟังแล้วลืม แต่หารู้ไม่ว่า ถ้าไปพยายามให้ไม่ลืม ... มันผิด ... เห็นไหมความเป็นตัวตนมันแทรกทันทีโดยไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นความอดทน ... ขันติบารมีต้องแค่ไหน? อดทนไปทุกอย่างจนกระทั่งว่า แม้แต่คิดที่จะรู้ก็ผิด มันกำลังเป็นตัวตนที่อ่อน แต่มันยังปิดบัง ความเป็นเรามันต้องตามลำดับจริงๆ ฟังก่อน รู้เรื่องก่อน เห็นความลึกซึ้งก่อน จึงจะทำตามความลึกซึ้ง ถ้าไม่เห็นความลึกซึ้ง ทำอย่างอื่นไปเลย ... ผิดทันที
ไม่มีใครทำได้ มันต้องค่อยๆ คลาย จนกระทั่งปกติอย่างนี้เลย ผิดปกตินี่ก็ผิดแล้ว ยังเหลือๆ จนกว่าปัญญาจะรู้จริงๆ ว่าไม่เหลือ ไม่ต้องไปถามใครด้วย เพราะฉะนั้นใครก็ตามเริ่มฟัง ใช่ไหม? ถูกไหม? ก็คือจบ จะถามไปตลอดและความเข้าใจอยู่ไหน? แล้วจะเข้าใจความไม่ปกติ ถ้าเราไม่เข้าใจความเป็นปกติ เรากำลังผิดปกติเราก็ไม่รู้!!! จงใจก็ผิดแล้ว อยู่ดีๆ จงใจทำไม? ทุกวันไม่ได้จงใจ ที่ทุกวันเป็นน่ะไม่รู้ แล้วจะไปรู้ความจริง กว่าจะทั่วจริงๆ ฟังเพื่อเข้าใจความจริงว่าอีกไกลเท่าไหร่? แล้วเราจะรีบไปไหน? เพราะฉะนั้นทุกคำ ... จงฟัง ... จงใส่ใจให้ดี
เชิญชม
ณ กาลครั้งหนึ่ง “สนทนาธรรมที่ บ้าน ซ. พัฒนเวศม์” วันศุกร์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗
🔴 youtu.be/aJstT81PvjU?si=I2hsTjgvVrLx2idw
🔵 www.facebook.com/share/v/vq7kRyicmUBj22fD/?mibextid=QwDbR1
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง