มีพระธรรมที่ได้ฟังแล้วเป็นที่พึ่ง

 
nattawan
วันที่  24 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47955
อ่าน  154

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

🌷ปัญญาต้องเป็นปกติ

🌺จิต เจตสิกทำหน้าที่ ก็ไม่รู้ ก็เป็นเรา

🐰มีพระธรรมที่ได้ฟังแล้วเป็นที่พึ่ง

🐣ถ้าไม่มีอะไรเกิดเลย จะเป็นทุกข์ไหม
เพราะไม่มีอะไรดับ

🌱ทุกข์เป็นสิ่งที่ควรรู้ รู้ทุกข์ รู้สิ่งที่กำลังมี

🌲ถ้าเป็นปัญญา ความเห็นถูก รู้ตามความเป็นจริง ก็ไม่ทุกข์ เพราะปัญญารู้ว่ามีเหตุปัจจัยให้เกิด เกิดแล้วก็ดับแล้ว เท่านั้นเอง

😈อกุศลธรรมที่เกิด ทำร้ายตนเองก่อน แล้วค่อยทำร้ายคนอื่นต่อไป

😍ทุกคนน่าจะรู้จักจิตของตนเอง เพราะสามารถรู้จิตของตนเองได้ ไม่สามารถรู้จิตของผู้อื่น

บางส่วนจากการสนทนาธรรมที่หาดใหญ่
เช้า ๒๔ มิ.ย. ๕๘

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ตัตตรมัชฌัตตตา ไม่คำนึงถึงจิตของคนอื่น แต่ว่าพิจารณาจิตของ
ตนเองในขณะนั้นว่า ขณะที่เห็นสิ่งที่ไม่น่าพอใจ ได้ยินเรื่องราวที่ไม่น่าพอใจก็ตาม จิตของตนเองในขณะนั้นตรงต่อกุศลที่จะไม่หวั่นไหว เพราะเหตุว่าเรื่องของคนอื่นแก้ไขไม่ได้ แต่ว่าเรื่องของเราเองจะต้องทำกิจอบรมเจริญกุศล

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ถ้าขณะนี้เมตตาไม่เกิด อกุศลจิตเกิด และขณะต่อๆ ไปอีกเมตตาก็ยังไม่เกิดอีก อกุศลจิตก็เกิดต่อๆ ไปอีก เพราฉะนั้น กว่าจะเจริญเมตตาได้ก็ต้องลำบากมากทีเดียว ถ้าไม่เจริญเมตตาเสียเดี๋ยวนี้
เพราะฉะนั้น กุศลทุกอย่างอยู่ที่ขณะนี้เอง ถ้าจะอบรมก็เริ่มตั้งแต่ขณะนี้

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ทุกคนคิดว่ามีชีวิตยืนยาวมาก แต่ความจริงชีวิตของทุกคนดำรงอยู่เพียงชั่วขณะจิตเดียว เพราะว่าจิตเกิดขึ้นขณะหนึ่งแล้วก็ดับ เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดขึ้นแล้วก็ดับ แต่ว่าเกิดดับอย่างรวดเร็ว เมื่อไม่รู้ว่าเป็นจิตแต่ละขณะซึ่งเกิดดับ ก็เป็นเราซึ่งเดี๋ยวเป็นกุศล เดี๋ยวเป็นอกุศล เดี๋ยวก็เป็นสุข เดี๋ยวก็เป็นทุกข์
ความจริงเป็นจิตแต่ละขณะ แล้วก็เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะเดียวจริงๆ

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ถ้าเพียงโกรธขึ้นแล้วก็ดับไป ไม่คิดที่จะโกรธซ้ำอีก ดีไหมคะ? เมื่อมีปัจจัยให้ความโกรธ ความขุ่นเคืองใจจะเกิดก็เกิด เกิดแล้วก็ดับ ดับแล้วหมด ก็จบ ถ้าเป็นอย่างนั้นได้ ก็จะไม่เป็นความคิดโกรธ ซึ่งไม่จบ แล้วก็คิดอีก แล้วก็โกรธอีก แล้วจนกระทั่งถึงไม่ลืม

เวลาที่โกรธจนไม่ลืม สังขารขันธ์ก็จะปรุงแต่งต่อไปอีก จนกระทั่งถึงกับเป็นความพยาบาท เป็นความขุ่นเคืองที่คิดจะประทุษร้าย หรือก่อร้ายหรือปองร้าย

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เจริญเมตตา ก็จะระงับความพยาบาทนั้นไม่ได้เลย

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ท่านพระสารีบุตรไม่ได้เปรียบตัวของท่านเองเพียงเป็นดุจผ้าเช็ดธุลี ยัง
เปรียบตัวท่านเองเหมือนลูกคนจัณฑาล ซึ่งเข้าไปสู่ที่มีบุคคลมากหน้าหลายตา ก็เข้าไปด้วยความอ่อนน้อม เข้าไปด้วยความนอบน้อม แล้วก็ยังเปรียบตัวของท่านเองว่า เหมือนกับโคเขาขาด ซึ่งเมื่อไม่มีเขาแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายหรือทำลายอะไรได้ ก็จะต้องเป็นผู้ที่เสงี่ยมเจียมตัว นี่คือคุณธรรมของพระอัครสาวกผู้เลิศทางฝ่ายปัญญา

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
nattawan
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ทุกครั้งที่กล่าวคำว่าขอถึงพระธรรมเป็นสรณะ ขอให้น้อมจิตคิดว่า ขอปฏิบัติตามพระธรรมด้วย ขอประพฤติปฏิบัติตามพระธรรม ถ้าเป็นอย่างนี้บ่อยๆ จิตจะอ่อนโยนจริงๆ แล้วก็จะเป็นผู้ที่ละเอียดขึ้น แม้ว่ายังมีกิเลสอยู่ แต่ว่าสติก็ระลึกได้ว่า ในขณะใดเป็นอกุศล และในขณะใดเป็นกุศล

แนวทางเจริญวิปัสสนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
chatchai.k
วันที่ 24 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ