วิตกด้วยปัญญา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิตกเป็นเจตสิกที่จรดในอารมณ์ เป็นสภาพที่ตรึกไป ก้ายไปเหมือนเท้าของโลก ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่วิตกเกิดกับอะไรครับ? เกิดกับโลภะ โทสะ โมหะ หรือเกิดกับปัญญา
วิตกที่เกิดพร้อมปัญญาเป็นความคิดดี คิดถูกซึ่งเริ่มจากวิตกขั้นปริยัติปฏิบัติ จนถึงปฏิเวธ
จากการสนทนาพื้นฐานพระอภิธรรมที่มศพ. 18 ก.ย. 54
ถ้าได้ยินว่าขณะนี้มีวิตกเจตสิกเกิด ก็จะรู้ได้เลยค่ะว่า ขณะนี้ที่คิดเพราะวิตกจรดในอารมณ์นั้น แล้วก็จะรู้ด้วยว่า ขณะนั้นวิตกเกิดกับปัญญาหรือไม่ใช่ปัญญา เกิดกับโลภะหรือเกิดกับโทสะ
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าใจว่าเป็นอนัตตา เพราะแม้แต่เจตสิกหนึ่งก็ขาดไม่ได้ เช่น วิตกเจตสิกหลังจากที่ทวิปัญจวิญญาณจิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเพียง 10 กุศลวิบากหนึ่งอกุศลวิบากหนึ่ง ทั้งห้าทรงดับไป ใครจะยับยั้งไม่ให้วิตกเจตสิกเกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้น วิตกเจตสิกเป็นเท้าของโลก ไป เพราะฉะนั้น ขณะคิดนี่ค่ะวิตกคิดตามการสะสมที่ได้สะสมมา ถ้ามีปัญญาที่เกิดจากการฟังขณะนี้เข้าใจก็จะเริ่มรู้ตามความเป็นจริงนะคะว่า ขณะใดก็ตามที่กำลังสะสมความเห็นถูกความเข้าใจถูก มีการตรึกหรือนึกคิดในสิ่งที่ได้ฟังยิ่งขึ้น เช่น ในขณะที่กำลังมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏ ขณะนี้กำลังเห็นนะคะ วิตกตรึกพร้อมกับปัญญาที่จำ ที่เคยได้ยินหรือเปล่าว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา
นี่คือ ขณะนั้นเราจะรู้ว่า แมิความคิดอย่างนี้ วิตกที่จะเกิดพร้อมสัญญาจากการที่ได้เคยฟังก็ประกอบด้วยความเข้าใจเพียงเล็กน้อยในขั้นต้น คือเพียงได้ยินว่าขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ กำลังปรากฏให้เห็น แต่ยังไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงธรรมะหรือธาตุอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นใดเลยทั้งสิ้นนะคะ ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นแต่เพียงสิ่งหนึ่งที่มีจริง ที่สามารถจะปรากฏว่ามีจริงเฉพาะเมื่อกำลังปรากฏ
ค่อยๆ ไถ่ถอนการที่ว่าเป็นเราและก็เห็นตัวเรา หรือว่าเห็นคนนั้น เห็นคนนี้ เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยเพิ่มความที่จะละความติดข้องเพราะรู้ว่าเป็นสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นอย่างนี้ ก็เป็นวิตกที่ถูก เป็นกุศลวิตก เป็นสัมมาสังกัปปะ
คำที่ได้ยินได้ฟังทุกคำนี่นะคะ ถ้าสามารถที่จะประมวลไว้อย่างมั่นคงเป็นปัจจัยที่จะทำให้นึกได้บ่อยๆ แต่ถ้าเรามีเรื่องอื่นที่จะคิดไตร่ตรองมาก วิตกก็เป็นไปตามความจำในเรื่องอื่น
เพราะฉะนั้น เมื่อวานนี้ค่ะ วิตกทำหน้าที่อย่างที่กล่าวแล้วนะคะ เกือบจะทุกขณะจิต แล้วจำได้ไหมเพื่อที่จะไม่เยื่อใยว่า แม้แต่วิตกที่ดับไปแล้วก็ไม่ใช่วิตกในขณะนี้ คือการคิดไตร่ตรองในครองของธรรมะที่ได้ฟัง เป็นไปได้มากมายกว้างขวาง เพียงไม่ลืมสิ่งที่ได้ฟัง แต่ก็ห้ามไม่ได้เพราะว่าธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา คุ้นเคยกับสิ่งใดมากก็จำแล้วก็คิดถึงสิ่งนั้น แสดงว่าเราไม่ได้คุ้นเคยกับธรรมะมากพอที่จะระลึกได้บ่อยๆ จนกระทั่งสามารถที่จะปฏิบัติเข้าถึงสภาพที่ปรากฏด้วยความเห็นที่ถูกต้องตรงตามที่ได้ฟัง
เพราะว่าได้ยินได้ฟังอย่างนี้ค่ะ แล้วก็มีความเข้าใจอย่างนี้ แต่ยังไม่มั่นคงพอ เพียงแต่ว่ากำลังสะสมความมั่นคงที่จะทำให้วิตกไม่ไปที่อื่น แต่ว่าวิตกค่อยๆ มาจรดที่ลักษณะของธรรมะที่กำลังปรากฏ ก็เป็นวิตกที่เกิดจากการฟังขั้นปริยัติ มาถึงวิตกที่เป็นปฏิปัตติขั้นปฏิบัติ จนถึงปฏิเวธ
เชิญชม ...
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ.อรรณพ หอมจันทร์