ทำไมวันนี้จึงต่างจากเมื่อวานนี้

 
nattawan
วันที่  28 มิ.ย. 2567
หมายเลข  47982
อ่าน  117

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

สำหรับผู้ที่ศึกษาธรรมะมาบ้าง อาจบอกว่าต่างกันตามเหตุตามปัจจัย เหมือนพูดกันจนติดปาก แต่ยังหวั่นไหวในทุกข์สุขในแต่ละวันหรือไม่?

และกว่าจะถึงวันที่รู้ความจริงอย่างนั้นได้ ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยคือปัญญา ไม่ใช่เพราะความอยาก

จากการสนทนาธรรมที่เชียงใหม่ 14 มิ.ย. 54

วันนี้ต่างกับเมื่อวานนี้ เมื่อวานนี้ทุกข์บ้างไหม? สุขบ้างไหม? เฉยๆ บ้างไหม? แต่ละนาที แต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ... ใครทำ? ไม่มีใครซักคนเดียวที่ทำนะคะ แต่มีเหตุปัจจัยที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างนี้ ... แล้วไม่เป็นอย่างอื่น หวั่นไหวไหมคะ? เพราะรู้ความจริงว่า เกิดแล้วเป็นอย่างนี้แล้วตามเหตุตามปัจจัย

ถ้ามีความเข้าใจธรรมะจริงๆ เนี่ยค่ะ ไม่เดือดร้อนเลย ปัญญาไม่ทำความเดือดร้อนใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่จะทำให้มีความเห็นถูก ความเข้าใจถูกว่า ชั่วคราว ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ยั่งยืน เพียงมีปัจจัยเกิดขึ้นปรากฏ แล้วก็หมดไปเป็นของธรรมดา

เพราะฉะนั้น อะไรจะเกิดอีกก็เพราะมีปัจจัยให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น แล้วก็ไม่ยั่งยืนค่ะ เกิดแล้วก็หมดไปเป็นของธรรมดา

ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้นะคะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็รู้ว่า ต้องเกิดเพราะมีปัจจัยที่เกิดแล้วเป็นอย่างนั้น ... จะเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ก็เป็นผู้ที่ไม่หวั่นไหวเพราะเข้าใจธรรมะ

เพราะฉะนั้น บางคนนี่นะคะ ฟังเรื่องการเกิดดับของสภาพธรรมะ อยากจะประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมะซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะกว่าสังขารขันธ์จากการที่จะได้ฟัง การเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยนี่นะคะ ค่อยๆ ให้เห็นความเป็นจริงว่า ธรรมะเป็นสิ่งซึ่งไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร เกิดขึ้นต่างๆ นานาแต่ละขณะเนี่ยค่ะตามเหตุตามปัจจัย

ความเข้าใจอย่างนี้ทีละเล็กทีละน้อยนะคะ วันหนึ่งเกิดไม่หวั่นไหวก็จะรู้ได้ว่า เพราะเราได้เริ่มเข้าใจในความจริงของธรรมะว่า ไม่เที่ยง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร

แต่ตอนอยากที่จะให้รู้เนี่ยรู้ไม่ได้ แต่ตอนที่ค่อยๆ เข้าใจขึ้นๆ จนถึงรู้ได้ ขณะนั้นก็จะรู้ได้ว่า เพราะอะไร ... เพราะได้เคยสะสมความเข้าใจมาทีละเล็กทีละน้อย

เพราะฉะนั้น วันนี้ใครอยากจะประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมะ ... ยังไม่ถึงเวลาค่ะ คือ ปัจจัยไม่พร้อม แต่ถ้าไม่มีความเข้าใจเลยนะคะ ก็ยิ่งนานออกไปอีกกว่าจะสะสมความเข้าใจ ซึ่งทำให้ละคลายความต้องการ แล้วก็สามารถที่จะถึงเวลาที่รู้ได้จริงๆ เพราะว่าได้สะสมความเข้าใจมาแล้ว

เพราะฉะนั้น ขณะนี้มีหน้าที่สะสมความเห็นถูก ความเข้าใจถูกเท่านั้นเอง แล้วแต่ว่าจะถึงกาละที่สามารถที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมะระดับไหน? อย่างไร? ก็ต้องเป็นไปตามตามปัจจัย

แต่ไม่ใช่เป็นความอยาก ความหวั่นไหว การต้องการหาวิธีที่จะประจักษ์การเกิดดับของสภาพธรรมะ ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่มีตัวตนที่จะไปทำอย่างนั้นได้

แต่การสะสมความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อยเนี่ยค่ะ ก็จะทำให้สามารถที่จะเข้าใจขึ้นได้ จนถึงรู้ความจริงของสภาพธรรมะได้

เชิญชม ...

ทำไมวันนี้จึงต่างจากเมื่อวานนี้

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

กราบอนุโมทนาในกุศลวิริยะของ อ. อรรณพ หอมจันทร์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 28 มิ.ย. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ